บลจ.อยุธยา เจเอฟ อาศัยห้องไวท์รูม ชั้นใต้ดินในโรงแรมแพนแปซิฟิก จัดงานเลี้ยงเล็กๆ เปิดตัวแคมเปญ "ให้บัตรเครดิตทำเงินให้คุณ" เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเป็นการจับมือร่วมกับบริษัทบัตรกรุงศรี จีอี ซึ่งเป็นอีกลูกเล่นหนึ่งในการส่งเสริม ด้านการตลาดในกิจการทั้ง 2 แห่ง

โดยลูกค้าที่เป็นผู้ถือบัตรกรุงศรี จีอี และเป็นผู้ถือหน่วยลงทุน ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.AJF สามารถหักบัญชีจากบัตรเครดิต เพื่อนำมาจ่ายค่าซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนของ AJF ได้ในแต่ละเดือน

ภายในงาน AJF ยังได้จัดเวลาช่วงสั้นๆ ให้แก่ 3 ทายาทตระกูลดัง ได้แก่ ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร กรรมการโรงแรมปาร์ค นายเลิศ ราฟเฟิล อินเตอร์เนชั่นแนล, พิรุณ ชินวัตร บุตรชายของพายัพ ชินวัตร รวมถึงปวริศา เพ็ญชาติ ที่ได้มาบอกเล่าเรื่องราวการออมและการลงทุนของแต่ละคน

พิรุณดูจะมีความชัดเจนในการลงทุนมากที่สุด โดยบอกว่า การฝากเงินในธนาคารปัจจุบันไม่ค่อยจะคุ้มเมื่อพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ และเขาเองก็เลือกที่จะใช้เงินออมบางส่วนลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากเงินกับธนาคาร

ส่วนณพาภรณ์บอกว่าครอบครัวของเธอได้สั่งสอนให้เธอรู้จักอดออมมาตั้งแต่เล็กๆ โดยปัจจุบันเริ่มจัดสรรเงินบางส่วนสำหรับ การลงทุนในรูปแบบอื่นๆ และเธอเห็นว่าด้วย lifestyle ของเธอที่ต้อง ทำงานจนอาจไม่มีเวลามากพอที่จะบริหารการลงทุนได้เองนั้น การมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแลให้น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า ขณะที่ปวริศาตอบอย่างอายๆ ว่า เธอยังไม่ได้เริ่มลงทุนอะไร เพราะที่ผ่านมามีเงินเท่าไร เธอก็ชอปจนหมด

อย่างไรก็ตาม ภายในงานยังมีการแสดงของบรรดาหนุ่มสาว ที่มาเดินอวดลีลาบนเวที เพื่อ present ถึงอำนาจอันเหลือหลายของการใช้บัตรเครดิตกรุงศรีฯ ในการจับจ่ายแบบไม่ยั้งมือ ไล่เรียงจากเพชรนิลจินดา ไปถึงเข็มขัดแบรนด์เนม ตลอดจนการลงทุนในหลักทรัพย์ผ่านบัตรพลาสติกนี้

สำหรับคอนเซ็ปต์นี้ เรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.AJF บอกว่า นอกจากจะเป็นการลงทุนก่อนค่อยจ่ายทีหลังแล้ว ผู้ถือบัตรยังสามารถสร้างวินัยการลงทุนของตัวเองได้ ทั้งยังเป็นการช่วยให้ผู้ที่ต้องการลงทุนสามารถทยอยการลงทุนตามระยะเวลาที่แน่นอนและเหมาะสมได้ในแต่ละเดือน โดยผู้ใช้บริการไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมก็ตาม

แม้จะฟังดูดี แต่ต้องคำนึงก่อนว่าการใช้จ่ายบัตรเครดิต ไม่ว่าจะเพื่อการใด ผู้ถือบัตรควรต้องระมัดระวัง และมีสติที่ดี ในการบริหารการใช้จ่ายของตัว เพื่อให้มีเงินเหลือพอจะใส่คืน ในบัญชีที่ต้องเปิดล่วงหน้าสำหรับการลงทุนแบบนี้หากมิเป็น เช่นนั้นแล้ว การลงทุนในหลักทรัพย์ตามแคมเปญดังกล่าว อาจต้องจ่ายแพงและผลตอบแทนที่ได้ไม่คุ้มเสีย