ผลการสำรวจของดีเอชแอล บริษัทขนส่งด่วนและโลจิสติกส์ ประมาณการว่าแต่ละปีมีเด็กนักศึกษา นักเรียน และบุคคลทั่วไป ส่งเอกสารสมัครเรียนต่อไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก นับหมื่นๆ ราย โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาที่เป็นแชมป์สถานที่ที่คนอยากไปเรียนต่อมากที่สุด ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์

ร้อยละ 70 ของกลุ่มนักศึกษาที่ส่งเอกสารไปสมัครเรียนเหล่านี้เป็นการสมัครเพื่อเรียนต่อในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรี อีกร้อยละ 20 เป็นการสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาตรี และที่เหลือเป็นการสมัครเรียนภาษาอังกฤษ โดยต่อคนมักส่งจดหมายสมัครเรียนมากกว่า 5 สถาบันการศึกษา ขณะที่กลุ่มคนเหล่านี้ให้ความสำคัญในการส่งเอกสารเป็นพิเศษ หลายครั้งทุกคนอยากจะทราบว่าจดหมายอยู่ตรงไหน และถึงมือสถาบันการศึกษาที่สมัครหรือยัง และยังต้องการการรับประกันการสูญหายของเอกสารทั้งหมด ซึ่งเปรียบเสมือนกับใบเบิกทางอนาคตของตน

แม้จะไม่สามารถระบุว่าจำนวนกลุ่มนักศึกษาที่ส่งจดหมายเรียนต่อในต่างประเทศ คิดเป็นจำนวนกี่เปอร์เซ็นต์เทียบกับกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการของดีเอชแอล แต่ดีเอชแอลก็มั่นใจว่าปีๆ หนึ่ง น่าจะมีเงินรายได้จากการส่งเอกสารเหล่านี้ไม่น้อย นี่เองจึงเป็นที่มา ของการเปิดตัวบริการใหม่ล่าสุดของดีเอชแอล ภายใต้ชื่อบริการที่ว่า "University Express" เมื่อเดือนที่ผ่านมา

"University Express" เป็นบริการรับส่งเอกสารการสมัครเข้าเรียนต่อในต่างประเทศทางอากาศไปยังทั่วโลก ซึ่งดีเอชแอล ประเทศไทย เปิดให้บริการเป็นแห่งที่สองในโลก หลังจากก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวบริการไปแล้วในประเทศอินเดีย และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักศึกษาของอินเดียที่มีอัตราการเดินทางไปเรียนต่อในต่างประเทศสูงอยู่แล้ว

นอกเหนือจากดีเอชแอลจะทำการออกแบบโลโกที่มีคำว่า "University Express" ติดอยู่หน้าซองเอกสารของดีเอชแอลขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับบริการใหม่นี้แล้ว ด้วยความเป็นกลุ่มนักศึกษาที่ยัง หารายได้เองไม่ได้ ดีเอชแอลจึงตัดสินใจลดราคาค่าบริการในการจัดส่งให้ต่ำกว่าลูกค้าอุตสาหกรรมหรือลูกค้าปกติทั่วไป

เช่นเดียวกันกับเปิดทางให้นักศึกษาสามารถตรวจสอบสถานะ ของเอกสารว่าอยู่ขั้นตอนการจัดส่งใด ผ่านทางเว็บไซต์ call center อีเมล และโทรศัพท์มือถือแบบ 24 ชั่วโมง โดยมีพนักงานคอยรับส่งเอกสารถึงมือจากบ้านและที่พักโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้งหมด ก็เพื่อหวังที่จะแย่งนักศึกษาสัก 10 เปอร์เซ็นต์ จากกลุ่มที่ส่งเอกสาร สมัครเรียนต่อให้เลือกหันมาใช้ "University Express" ของตน แทน การส่งแบบอื่นๆ ก่อนหน้านี้นั่นเอง