|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ สิงหาคม 2548
|
|
บ้านหลังแรกของตัน ภาสกรนที เมื่อ 14 ปีก่อน เป็นทาวน์เฮาส์หลังเล็กๆ เนื้อที่ประมาณ 23 ตารางวา จอดรถได้เพียงคันเดียวในโครงการหมู่บ้านจัดสรรรีเจ้นท์ ซอยสุขุมวิท 69
พนักงานชุดแรกๆ ของเขาจำได้ดีว่า ที่นั่นเรียกกันว่า "โรงแรมรีเจ้นท์" เพราะหลังจากลุยงานกันดึกดื่นหลายคนก็กลับมายึดเป็นที่นอนค้างคืน
บ้านหลังที่ 2 เพิ่งย้ายเข้าไปอยู่เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เป็นหมู่บ้านเศรษฐี ชื่อ "บ้านอิสสระ พระราม 9" ที่มีสงกรานต์ อิสสระ เป็นเจ้าของโครงการ เป็นบ้าน 3 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 114 ตารางวา จากชั้นล่างเข้ามาเป็นโถงต้อนรับ มีห้องออกกำลังกายที่มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำด้านนอก ส่วนชั้นบนเป็น ลีฟวิ่งรูม ต่อเชื่อมกับห้องรับประทานอาหาร ส่วนห้องนอนจะอยู่ชั้นบนของตัวบ้าน
เป็นบ้านที่มีแนวคิดแบบมินิมัลโอเรียนตัล ตกแต่งแบบ เรียบง่าย มีเฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็นน้อยชิ้น เลยดูโปร่ง โล่ง สะอาดตา ในโทนสีน้ำตาล เทา และขาว จุดเด่นของตัวบ้านอยู่ที่การเลือกวัสดุในการปูพื้น และบุผนัง การตีระแนงไม้ การใช้สี การเล่นกับทางเดินของแสงและไฟตกแต่ง
"เพื่อนๆ ที่มาบ้าน เขาแซวกันว่า อะไรกัน ไม่รู้สึกมีกิเลสอยากซื้อของใส่บ้านเลยหรือ" สุนิสาผู้เป็นภรรยาเล่าให้ฟังพร้อมหัวเราะเบาๆ
ราคาบ้านพร้อมตกแต่งประมาณ 30 ล้านบาท เป็นบ้านสำหรับครอบครัวที่ตันภูมิใจมาก เขาบอกว่าไม่ใหญ่ ไม่เล็กเกินไป และยังอยู่ใกล้ที่ทำงานอีกด้วย เป็นรางวัลชิ้นสำคัญ ของชีวิต หลังจากทำงานหนักมาตลอด และยังเป็นที่ที่เขาเอาไว้ทำงานในตอนกลางคืนจนดึกประมาณตี 2-ตี 3 เพื่อตื่นขึ้นมาในเวลาประมาณ 9 โมงเช้า แต่ถึงนอนดึกอย่างไร ยังเจียดเวลาสำหรับการออกกำลังกายด้วยการวิ่งบนลู่วิ่งประมาณ 1 ชั่วโมงทุกวัน เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาในวัย 46 ปี
ตันและสุนิสาเป็นสามีภรรยาที่มีวิธีคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ที่คล้ายคลึงกัน ชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายสบายๆ เป็นชาวเมืองชลเหมือนกัน มีอายุห่างกันประมาณ 11 ปี เรื่องราวชีวิตรักทั้งคู่เหมือนนิยาย
"เจอกันเมื่อ 17 ปีก่อน" สุนิสาเริ่มเล่าด้วยเสียงเขินๆ
"อาของคุณตันเป็นเพื่อนคุณพ่อ วันหนึ่งที่บ้านมีงานเลี้ยง คุณตันไปด้วย ก็ไม่ได้คุยกันมากมาย ตอนนั้นยังเรียนแค่มัธยมปลาย แต่คุณตันทำธุรกิจ แล้วเขาให้นามบัตรมา ก็เก็บไว้ไม่ได้คิดอะไร วันหนึ่งเหตุการณ์ที่เราไม่เคยคิดจะทำมาก่อนเกิดขึ้น คือไปชอปปิ้งกับพี่สาวที่ตัวจังหวัด พี่สาวเห็นเสื้อตัวหนึ่งชอบมาก อยากได้ แต่เงินที่มีไม่พอ หากกลับไปเอาเงินที่บ้านต้องขับรถไป-กลับประมาณ 140 กิโลเมตร ก็เลยเปิดกระเป๋าหาเบอร์คนที่รู้จักจะยืมเงินก่อน เจอนามบัตรคุณตันซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด เลยโทรไปหา เขาก็ว่ามาทางโทรศัพท์ว่า อะไรนะ เพิ่งเจอกันครั้งเดียวเอง แต่ก็ยินดีที่จะออกมา ให้เรายืมเงิน แล้วยังพาไปเลี้ยงข้าวอีก หลังจากนั้นก็เลยติดต่อกัน แต่กว่าจะแต่งงานก็เป็น 10 ปี"
"ตอนแรกแม่เขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร" ตันเสริม "เพราะผมเคยแต่งงานมาครั้งหนึ่งตอนช่วงวัยรุ่น แล้วเลิกกัน มีลูกติดคือน้องกิฟท์ และเราอายุห่างกันตั้ง 11 ปี คบกันนานมากจนเขาใจอ่อนยกให้แต่งงาน แต่ปีนั้นเป็นปีที่ผมเจ๊งมีหนี้พอดี 100 ล้านบาท เลยยังไม่ยอมแต่ง มาแต่งหลังจากนั้น"
ปัจจุบันสุนิสาเป็นกรรมการดูแลงานทางด้านบัญชี และฝ่ายบุคคล และยังเป็นผู้ถือ หุ้นรายใหญ่คนหนึ่งของโออิชิ กรุ๊ป
บ้านหลังที่ 3 ในอำเภอบ่อทอง ซึ่งห่างจากตัวจังหวัดชลบุรีประมาณ 70 กิโลเมตร สะท้อนถึงตัวตนของทั้งคู่ได้ระดับหนึ่ง บ้านหลังนั้นเป็นที่ดินของแม่ยาย มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2 ไร่ แบ่งกันปลูกบ้านคนละครึ่ง กับคู่เขย เป็นบ้านหลังเล็กๆ 2 ชั้น เป็นที่ที่ตันตั้งใจจะเอาไว้พักผ่อนในช่วงบั้นปลายชีวิต ราคาที่ดิน พร้อมค่าก่อสร้างประมาณ 8-9 ล้านบาท
บ้านหลังนี้ถูกก่อสร้างและตกแต่งอย่าง รีบเร่งให้ทันวันหยุดช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ต้นไม้ ใหญ่หลายต้น เช่น จิก โมก กำลังแผ่ร่มเงา ที่มีมากกว่าอย่างอื่นคือ ลีลาวดี เพื่อให้บรรยากาศของบ้านเป็นรีสอร์ตมากขึ้น
วันนี้เขาพูดได้ว่า "มีบ้าน 1 หลัง มีเงิน สัก 10 ล้าน อยู่บ้านนอกแค่นี้ก็หรูแล้วสำหรับผม"
นอกจากต้นไม้แล้วที่มุมบริเวณบ้านด้านหนึ่งยังมีกรงสุนัขที่เลี้ยงไว้ 3 ตัว คือ บะหมี่ หมูแดง และลูกสุนัขอีก 1 ตัว ชื่อ เกี๊ยวซ่า
เป็นสถานที่ที่เขาและครอบครัวได้อยู่ท่ามกลางญาติพี่น้อง ซึ่งเจอกันอย่างน้อย เดือนละครั้ง ทุกครั้งต้องตั้งวงทานอาหารร่วมกัน ซึ่งของโปรดส่วนใหญ่ที่แม่ยายรู้ใจ คืออาหารประเภทน่องไก่บ้านทอดหรือย่าง
"คือกับข้าวที่แม่ทำ ไม่เหมือนกับข้าวในภัตตาคารหรือโรงแรมห้าดาว เป็นกับข้าวธรรมดาๆ ไม่ได้หรูอะไรหรอก ก็พวกไก่ทอด ไก่ย่าง ไก่ต้มฟัก แต่อร่อยมาก แค่อิง (ภรรยา) เขาโทรไปบอกว่าจะกลับบ้าน ไก่แถวนั้นรู้เข้าก็สะดุ้งแล้ว" ตันเล่าถึงความผูกพันกับครอบครัว ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข
|
|
|
|
|