Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2548








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2548
เมื่อเศรษฐีน้ำมันคิดตีจากน้ำมัน             
 


   
search resources

Oil and gas




ตั้งแต่ก่อนที่ราคาน้ำมันโลกจะพุ่งพรวดทะลุระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในขณะนี้ ราคาน้ำมันที่แพงมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ก็ได้ทำให้เศรษฐกิจของตะวันออกกลางเมื่อปีก่อน เติบโตถึงร้อยละ 5.6 และยังทำให้อัตราการเติบโตของรายได้ต่อหัวสูงที่สุดจนทำลายสถิติในรอบหนึ่งชั่วอายุคน

ซ้ำยุคทองของน้ำมันอันเป็นลาภลอยที่ มาถึงตะวันออกกลางอย่างไม่คาดฝันนี้ ยังไม่มี ทีท่าจะสิ้นสุดลงง่ายๆ ปีที่แล้ว ผลกำไรงามๆ จากน้ำมันที่แพงขึ้น ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีงบประมาณเกินดุลมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของประเทศ

ส่วนตลาดหุ้นต่างๆ ในภูมิภาค ต่างแฮปปี้กันถ้วนหน้าด้วยตัวเลขการเติบโต 2 หลักหรือแม้กระทั่ง 3 หลัก นักท่องเที่ยวพากันหลั่งไหลเข้าไปในดูไบและโมร็อกโก ส่วนอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างก็เจริญรุ่งเรืองสุดขีด ตั้งแต่กรุงไคโรจนถึงกรุงอาบูดาบี จนชั้นแต่แค่คำว่า "เจริญรุ่งเรือง" ยังน้อยเกินไป ที่จะอธิบายความอู้ฟู่ของตะวันออกกลางในยามนี้

อย่างไรก็ตาม เงินที่ได้มาง่ายๆเนื่องจากราคาน้ำมันเกิดแพงอย่างเป็นบ้าเป็นหลังเช่นนี้ อาจทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ซึ่งก็จะส่งผลต่อไปให้ความต้องการบริโภคน้ำมันลดต่ำลง และที่สำคัญก็คือ อาจทำลายความตั้งใจของโลกอาหรับ ที่กำลังพยายามปฏิรูปเศรษฐกิจ ด้วย การกระจายธุรกิจให้นอกเหนือไปจากการพึ่งพาแต่รายได้จากน้ำมันแต่เพียงแหล่งเดียว

เมื่อ 30 ปีก่อน ชาติอาหรับผู้ผลิตน้ำมัน เคยแปรผลกำไรมหาศาลที่ได้มาง่ายๆ เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งพรวดไปเป็นสวัสดิการที่เหลือเฟือแก่ประชาชน ซึ่งได้สร้างนิสัยคาดหวังสูงให้แก่พลเมืองของตน ซึ่งต่อมาได้แปรเปลี่ยนเป็นความขมขื่นโกรธแค้นต่อรัฐ เมื่อราคาน้ำมันตกต่ำ

ด้วยเหตุนี้ เศรษฐกิจอาหรับที่รุ่งเรืองจากราคาน้ำมันแพงในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 จึงกลับสร้างคนอย่างอุสมะ บินลาดิน ขึ้นมา ซึ่งก็คือคนที่ต้องการจะทำลายประเทศชาติของตน โดยใช้ ความโกรธแค้นของประชาชนเป็น เครื่องมือ เมื่อรัฐไม่อาจให้สวัสดิการ อย่างฟุ่มเฟือยได้เหมือนเก่า

อย่างไรก็ตาม ตะวันออกกลางอาจมีปฏิกิริยาต่อยุคทองทาง เศรษฐกิจของตนในครั้งนี้ แตกต่างออกไปจากที่ผ่านๆ มา ซาอุดีอาระเบีย ราชาแห่งประเทศที่ค้าน้ำมัน ได้ส่งเสริมภาคธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมันจนเติบโตอย่างสม่ำเสมอและแข็งแกร่ง ส่วนอียิปต์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยพยายามทำให้โลกอาหรับเอาอย่างระบบสังคมนิยมของตนที่ล้มเหลวในเวลาต่อมา ขณะนี้ได้กลายเป็นตัวอย่างที่สำคัญที่สุดของตะวันออกกลาง ในการส่งเสริมภาคธุรกิจเอกชนให้รุ่งเรือง

รายได้ต่อหัวของประชากรในทั้งสองประเทศกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากเคยตกต่ำมาอย่างยาวนาน ซึ่ง เป็นสัญญาณแห่งความหวังว่า ชาติอาหรับอาจสามารถขจัดความทุกข์ยาก ขมขื่นของชาวอาหรับ ซึ่งผู้ก่อการร้ายฉวยโอกาสนำไปเป็นเชื้อไฟของการก่อการร้ายได้

ในขณะที่ในช่วงทศวรรษ 1970 ชาติอาหรับได้ผ่องถ่ายรายได้มหาศาล ที่ได้จากน้ำมันแพงไปเป็นบัญชีเงินฝาก ในธนาคารสวิส หรือซื้อเครื่องบินไอพ่น หรูหรา แต่ครั้งนี้เงินส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในบ้าน และไหลเข้าไปลงทุนในภาคเอกชน อย่างเช่น โครงการสร้างสนามบินมูลค่า 19,000 ล้านดอลลาร์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

นอกจากนี้ ชาติในอ่าวเปอร์เซียต่างกำลังแข่งกันดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศ และ ลงนามในข้อตกลงการค้ากับชาติตะวันตก บาห์เรน ซึ่งเป็นชาติเล็กจ้อยในตะวันออก กลาง เพิ่งจะแตกแถวไปลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐฯ บาห์เรนกับโอมานยังได้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในธุรกิจโทรคมนาคม ซาอุดีอาระเบียก็เช่นกัน ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า การแข่งขันนี้จะนำประสิทธิภาพใหม่ๆมาสู่สถาบันการเงิน รัฐบาล และระบบกฎหมายของชาติตะวันออกกลาง

เพียงแค่ 2 ปีก่อน บริษัทอาหรับซึ่งมักเป็นของคนตระกูลเดียว บริษัทในลักษณะ นี้ได้ครอบครองกว่า 95% ของเศรษฐกิจของอาหรับ ยังเกลียดการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น แต่ขณะนี้รุ่นลูกหลานของตระกูลเหล่านี้ได้เริ่มพิสมัยการระดมทุนในตลาดหุ้น ซึ่งนับเป็น สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในโลกอาหรับ และเมื่อไม่นาน มานี้ หุ้น IPO ของ Ettihad Etisalat บริษัทยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมของอาหรับ ได้รับคำสั่งซื้อจากชาวซาอุฯ ถึง 4.3 ล้านคน หรือ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมดของซาอุดีอาระเบีย และสามารถระดมทุนได้ถึง 13,600 ล้านดอลลาร์

ถึงแม้เศรษฐกิจอาหรับจะโตถึง 5% แต่ก็ยังเป็นอัตราที่ต่ำกว่าภูมิภาคอื่นๆ เช่นเอเชียใต้อยู่มาก เนื่องจากภาคเอกชนอาหรับ ยังคงหลีกเลี่ยงการลงทุนในภาคธุรกิจที่เน้นการใช้แรงงานสูง ทำให้ไม่เกิดการสร้างงานใหม่ๆ ให้แก่คนที่ตกงาน และสุดท้าย แม้ราคาน้ำมันจะพุ่งทะลุระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ถ้าคิดมูลค่าที่แท้จริงแล้วยังถือว่าราคาน้ำมันในขณะนี้ยังถูกกว่าเมื่อ 25 ปีก่อน

ดังนั้น หากตะวันออกกลางต้องการจะรักษาการเติบโตนี้ไว้ต่อไป ก็จะต้องพยายามต่อไป ที่จะถีบตัวเองให้หนีห่างจากการพึ่งพิงรายได้จากน้ำมันเพียงอย่างเดียว ซึ่งพวกเขาก็กำลังเดินมาถูกทางแล้ว เพียงแต่ ต้องพยายามเดินต่อไปให้ได้เท่านั้น

แปลและเรียบเรียงจาก Newsweek June 27, 2005
โดย เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us