ธนาคารเอไอจีฯ ได้ฤกษ์เปิดอย่างเป็นทางการพฤศจิกายนนี้ หลังจาก ธปท.ตรวจสอบระบบการทำงานธุรกรรมทางการเงินเรียบร้อยแล้ว เตรียมเปิดให้บริการพร้อมกัน 10 สาขาทั่วประเทศ ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค เน้นสินเชื่อส่วนบุคคลและเช่าซื้อ โดยชูจุดเด่นเรื่องคุณภาพ และบริการหวังสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าเป็นหลัก
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัทเงินทุน (บง.) เอไอจี ไฟแนนซ์ (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดตั้งธนาคารเอไอจี หลังจากได้รับอนุมัติให้ปรับฐานะเป็นธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย (ธย.) ว่า ธนาคารเอไอจีจะสามารถเปิดดำเนินการได้อย่างเป็นทางการประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้
โดยขณะนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มาดำเนินการตรวจสอบระบบการทำงานธุรกรรมทางการเงินเรียบร้อยแล้ว รอเพียง ขั้นตอนการคืนใบอนุญาตจัดตั้ง บง.เพื่อรับใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยแห่งใหม่เท่านั้น ธนาคารจะสามารถเปิดให้บริการได้ โดยจะเปิดพร้อมกันทั้งหมด 10 สาขา ครอบคลุมพื้นที่สำคัญของแต่ละภาค เช่น จังหวัดเชียงใหม่, ขอนแก่น, นครราชสีมา, อุบลราชธานี, นครสวรรค์, ราชบุรี, ชลบุรี, สุราษฎร์ธานี, ภูเก็ต และหาดใหญ่
ทั้งนี้ นโยบายช่วงแรกของการเป็นธนาคารเอไอจีนั้น จะไม่มีการใช้นโยบายการตลาดเชิงรุก แต่จะเน้นเรื่องคุณภาพและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าเป็นหลัก โดยใช้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อเช่าซื้อเป็นตัวนำ ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่นั้นจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งถึงเปิดให้บริการได้
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทยังคงมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าจำนวนลูกค้าจะถึงหลักแสนรายในสิ้นปีนี้ และเมื่อเป็นธนาคารแล้วภายในปี 2550 จะมีสินทรัพย์เพิ่มเป็น 50,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนมากถึง 80% ที่เป็นลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
ส่วนการดำเนินงานของบริษัทเอไอจีคาร์ด (ประเทศไทย) นั้น ปัจจุบันมีลูกค้าบัตรเครดิตประมาณ 2 แสนใบ มีสินเชื่อคงค้างประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งกว่า 80% จะเป็นลูกค้าของบริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ หรือเอไอเอ โดยมีลูกค้าสินเชื่อบุคคล 30,000 ราย วงเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท
"เป้าหมายของเราต้องการเป็นธนาคารเพื่อรายย่อยชั้นแนวหน้า เพื่อตอบสนองลูกค้าระดับกลางถึงบน ซึ่งสิ่งสำคัญขณะนี้คือ ต้องเตรียมความพร้อมด้านระบบคอมพิวเตอร์ ตัวสินค้า และการเร่งพัฒนาความรู้และประสบการณ์ให้พนักงาน โดยเฉพาะเรื่องของการบริหารความ เสี่ยง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำธุรกิจสถาบันการเงิน ซึ่งเราจะบอกตัวเองเสมอว่าเราไม่ได้เป็นคนเก่ง แต่เราก็ไม่ได้กลัวใครมากกว่า" นายชัยวัฒน์กล่าว
|