Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 กรกฎาคม 2548
เอกชนชี้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นหลังจีนปล่อยหยวนลอยตัว             
 


   
search resources

เสถียร ตันธนะสฤษดิ์
Financing




เอกชนชี้เงินบาทและเงินสกุลต่างๆ ในภูมิภาคแข็งค่าขึ้น หลังจีนประกาศลอยค่าเงินหยวนเมื่อวานนี้ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นอยู่ที่ระดับ 41.25 ต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินเยนแข็งค่าขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกันเงินดอลลาร์เช่นกัน

นายเสถียร ตันธนะสฤษดิ์ หัวหน้าฝ่ายบริหารเงินและการตลาด ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวกรณีที่จีนลอยตัวเงินหยวนแบบมีการจัดการว่า หลังจากทางการจีนประกาศลอยตัวเงินหยวนเมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) ทำให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นจากที่อยู่ในระดับ 8.28 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ มาเป็นประมาณ 8.11 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นร้อยละ 2 และส่งผลทำให้เงินสกุลต่าง ๆ ในภูมิภาคแข็งค่าขึ้นตามไปด้วย โดยเงินเยนแข็งค่าขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์เช่นกัน และสิงคโปร์ดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้น ซึ่งเงินบาทแข็งค่าขึ้นเช่นกัน

นายเสถียร กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอยู่ในระดับ 41.25 ต่อดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะอ่อนค่าลงในช่วงเช้าวันนี้ (22 ก.ค.) โดยเงินบาทมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ระดับประมาณ 41.50-41.60 ต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทในครั้งนี้ ไม่มากเท่ากับเงินหยวน เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาตรการดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากเกินไปอยู่แล้ว และการแข็งค่าขึ้นของเงินหยวนในระดับนี้ แม้จะแข็งค่ามากกว่าเงินบาท หากพิจารณาแล้วถือว่า เป็นระดับการแข็งค่าของเงินที่ไม่มีนัยสำคัญพอที่จะทำให้ไทยได้เปรียบในเชิงการแข่งขันทางการค้า ดังนั้น นักธุรกิจไม่ควรเป็นห่วงมากจนเกินไป และเป็นไปไม่ได้ที่เงินบาทจะแข็งค่ากว่าเงินหยวน

นายเสถียร กล่าวถึงการลอยตัวค่าเงินหยวนของจีนแบบมีการจัดการในระบบตะกร้าเงินว่า ทางการจีนกำหนดให้เงินหยวนสามารถเคลื่อนไหวได้ในช่วงแคบ ๆ ประมาณร้อยละ 0.3 บวกลบก่อน เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของจีนเอาไว้ และเมื่อเศรษฐกิจของจีนปรับตัวพร้อมแล้ว ทางการจีนจึงจะปล่อยลอยตัวค่าเงินหยวนได้มากกว่านี้ โดยหากจะมีการปรับช่วงการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปคงจะทำในช่วงเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือ 1 ปีนับจากนี้ไป ทั้งนี้ ในระบบตะกร้าเงินของจีนจะให้น้ำหนักเงินดอลลาร์มากกว่าสกุลอื่น ๆ เนื่องจากสหรัฐเป็นคู่ค้าที่สำคัญของจีน ส่วนประเทศมาเลเซียที่ประกาศลอยตัวค่าเงินริงกิตเมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) เช่นกัน เพื่อไม่ให้เกิดการเสียเปรียบหรือการเสียหายทางการเงินของมาเลเซียเอง

“ทั้งนี้ ระบบตะกร้าเงินของจีนแตกต่างจากระบบตะกร้าเงินที่ประเทศไทยเคยใช้ และยกเลิกการใช้ระบบดังกล่าวไปในช่วงประสบวิกฤติทางเศรษฐกิจเมื่อปี ค.ศ. 1997 โดยระบบตะกร้าเงินของไทย ที่เงินบาทมีค่าในระดับ 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เปลี่ยนแปลงร้อยละ 0.1 ในแต่ละวัน” นายเสถียร กล่าว

นายเสถียร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ราว 1 ปีเศษ มีแรงกดดันจากทั่วโลกให้จีนปล่อยให้ค่าเงินหยวนสะท้อนความเป็นจริงให้มากขึ้น เพราะการที่จีนนำเงินหยวนไปผูกกับเงินดอลลาร์ ทำให้เงินหยวนอ่อนค่ากว่าความเป็นจริง จะทำให้มีการนำเงินเข้าไปในจีนมากขึ้น โดยสินค้าจากจีนถูกมองว่าราคาถูกลงในสายตาต่างชาติ โดยเฉพาะจากนักธุรกิจสหรัฐ ทำให้สหรัฐเสียดุลการค้ากับจีนค่อนข้างมาก สหรัฐจึงกดดันจีนให้ลอยตัวค่าเงินหยวนเพื่อให้ค่าเงินสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น และการที่จีนยอมให้เงินหยวนสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้นในครั้งนี้ เชื่อว่าจะทำให้สหรัฐขาดดุลการค้าจีนน้อยลงกว่าที่ผ่านมา   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us