ขุนคลัง-รองนายกฯ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด่วนวันนี้ รับมือผลกระทบ หลังจีนลอยตัวค่าเงินหยวน ที่มีการจัดการ ที่ทำให้หยวนแข็งค่าขึ้นทันทีกว่า 2% บาทแข็งขึ้น 1.27% รวมถึงมาเลเซีย ลอยตัวริงกิต ผู้ว่าฯ ธปท. “ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล” เชื่อการลอยตัว เป็นจังหวะเหมาะสม ไม่กระทบตลาดเงินไทย

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด่วน ทั้งกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เพื่อประเมินผลกระทบเศรษฐกิจ-การเงินไทย หลังจีนประกาศลอยตัวค่าเงินหยวน วานนี้ เช่นเดียวกับมาเลเซีย ที่ประกาศลอยตัวค่าเงินริงกิต ไม่ผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐอีกต่อไป หลังสหรัฐกดดันหนัก โดยเฉพาะปักกิ่ง

ดร.สมคิดสั่งการสภาพัฒน์-ธปท.ร่วมกันศึกษาผลกระทบดังกล่าว ต่อสภาวะเศรษฐกิจ-การเงินไทย

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่าการลอยตัวค่าเงินหยวนของจีนขณะนี้ ถือว่าเหมาะสมกับสภานการณ์ เขากล่าวว่า ธปท.เห็นด้วยกับการตัดสินใจของจีน ปรับเพิ่มค่าเงินหยวนให้ลอยตัวแบบมีการจัดการ (Managed Float) โดยกำหนดช่วงเคลื่อนไหวอัตราแลกเปลี่ยนไม่เกิน 0.3%

นับว่าเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้ ธปท.เชื่อว่า จะเป็นผลดีต่อทั้งเศรษฐกิจจีน และเศรษฐกิจโลก เพราะจะทำให้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินสกุลต่าง ๆ เอเชียมีเสถียรภาพมากขึ้น

ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวเพิ่มเติมว่า จะส่งผลผลเงินค่าเงินเอเชียสกุลต่างๆ แข็งค่าขึ้น เคลื่อนไหวเกณฑ์ปกติมากขึ้น

เงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก 41.79 บาทต่อดอลลาร์ อยู่ที่ 41.26 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 1.27% ช่วง 2 ชั่วโมงหลังจีนลอยตัวหยวน

ม.ร.ว.ปรีดิยาธรยืนยันว่า ธปท. ได้เตรียมแผนรองรับ 3-4 แนวทาง จากการเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าแล้ว เขาคาดไม่มีผลกระทบระบบการเงินไทย สัปดาห์หน้าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาทได้ชัดเจนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การสอบถามผู้ส่งออก ต่างพอใจที่จีนลอยตัวเงินหยวน เพราะจะทำให้ค่าเงินภูมิภาคมีเสถียรภาพ ไม่ผันผวน มั่นใจว่าอัตราเติบโตเศรษฐกิจจีนจะสูงถึง 9.5% ปีนี้

หลังลอยตัวค่าเงิน หยวนเทียบดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจาก 8.28 หยวนต่อดอลลาร์ เป็น 8.11 หยวน แข็งขึ้น 2.11% สะท้อนเศรษฐกิจปักกิ่งที่แข็งแกร่ง ขณะที่ริงกิต ไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงอยู่ที่ 3.80 ริงกิตต่อดอลลาร์