บุญคลี ปลั่งศิร" ชี้กิจการโทรคมนาคมไทยต้องเร่งปรับการบริหารใหม่รับยุคการแข่งขันเสรี
ประเมินสถานการณ์ธุรกิจ วางแผนการลงทุน สร้างความสมดุล ภายในองค์กร สู่รูปแบบโครงการบริหารที่ท้าทาย
อาศัยทีมลีดเดอร์เจาะตรงใจกลุ่มผู้บริโภค มั่นใจทำ ได้องค์กรไปโลดแน่
นายบุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่น ในฐานะบุคคลดีเด่นด้านโทรคมนาคมประจำปี
2545 ปาฐกถาพิเศษในงานประชุมทางวิชาการด้านโทรคมนาคม หรือเอเชียคอมม์/เอ็กซ์โปคอมม์
2002 เรื่องการบริหารกิจการโทรคมนาคมในยุคการแข่งขันเสรี ว่าขณะนี้แม้ว่าประเทศไทยได้ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่การเปิดเสรีในส่วนของกิจการโทรคมนาคม
แต่การแข่งขันทางธุรกิจในปัจจุบันดุเดือดและเข้มข้นเหมือนกับธุรกิจด้านนี้เปิดกว้างอย่างเสรีแล้ว
ทั้งนี้หลังจากการเปิดเสรีกิจการ โทรคมนาคม สิ่งที่ตามมาคือกระบวน การปรับโครงสร้างของแต่ละธุรกิจภาย
ใต้การกำกับดูแลขององค์กรอิสระ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการดูแล ผู้บริโภค
ความอยู่รอดขององค์กรธุรกิจเอกชน และการใช้ทรัพยากรของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
โครงสร้างที่ผู้ประกอบการธุรกิจ โทรคมนาคมจะต้องพิจารณา ประกอบด้วยส่วนสำคัญ
3 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านจำนวนประกอบการที่มีผลต่อตลาด เนื่องจากจะเป็นตัวบ่งบอกถึงความอยู่รอด
2.ขอบเขตบริการ หมายถึงเทคโนโลยีเครื่องมือต่างๆ ที่นำมาใช้จะ ต้องพิจารณาการพัฒนาต่อเนื่องได้
เพราะปัจจุบันอายุการใช้งานของเทคโนโลยีไม่เกิน 10 ปี การสร้างความต่อ เนื่องทางเทคโนโลยีจนสามารถทำให้เกิดองค์กรใหม่ที่สร้างรายได้
ถือเป็นผลสำเร็จขององค์กร
และ 3. ด้านการแข่งขันคือตัวผลักดันให้องค์กรเคลื่อนไหวตลอดเวลา หากองค์กรในไม่สามารถสร้างแรงผลักดันได้องค์กรนั้นจะไม่สามารถ
อยู่ในธุรกิจที่มีผู้บริโภคเป็นตัดสินการเลือกใช้งานบริษัทใดบริษัทหนึ่ง
"สินค้าโทรคมนาคมแม้จะเป็นสินค้ามวลชนเช่นเดียวกับสินค้าคอนซูเมอร์
แต่การทำตลาดต่างกันโดยสิ้น เชิง เพราะสินค้าโทรคมนาคมเป็นการ ขายสินค้าล่วงหน้า
เหมือนกับการขาย สินค้าตัวอย่างให้ผู้บริโภคทดลองใช้ ซึ่งจะส่งผลในอีก 3-5
ปีข้างหน้า ส่งผล หากองค์กรโทรคมนาคมใดสามารถควบคุมราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ถือเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จ
หากพิจารณาตัวเลขการลงทุนของภาคธุรกิจโทรคมนาคมในช่วงปี 2543-2544 ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่มีการลงทุนมูลค่าสูงที่สุดไม่ต่ำกว่า
100,000 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มที่จะต้องลงทุนเพิ่มมากขึ้นต่อไปอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากการเติบโตของยอดขาย ส่งผลให้งบลงทุนในการขยายเครือข่ายเพื่อรองรับความต้องการสูงขึ้นตามไปด้วย
ในเรื่องดังกล่าวผู้บริหารกิจการ โทรคมนาคมต้องมีการวางแผนการลง ทุนอย่างรอบคอบ
เนื่องจากจำนวนเงิน ลงทุนยิ่งมากก็หมายถึงจำนวนหนี้สินที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
ยกตัวอย่างบริษัทเอไอเอส ปัจจุบันมีตัวเลขหนี้สินกว่า 40,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามตัวเลข
ดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหากับบริษัท เพราะว่ายอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้รายได้ของบริษัทมีมากกว่างบลงทุนและยอดหนี้สิน
"ผู้ประกอบการโทรคมนาคมในขณะนี้เร่งยอดขายมากๆ จึงต้องลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะการเติบโตของตลาด
ตัวเลขที่เกิดขึ้นของงบลงทุนหากยังสอดคล้องกับยอดขาย จะไม่ส่งผลกระทบ แต่หากไม่เป็นเช่นนั้นบริษัทเหล่านั้นจะประสบกับปัญหาทางธุรกิจในอนาคต
ซึ่งผู้ประ กอบการรายใดสามารถหยุดการลงทุน ได้ก่อนในธุรกิจนี้จะเป็นผู้ชนะ
สำหรับผู้ที่ต้องลงทุนแบบไม่หยุดจะเป็นผู้แพ้
นายบุญคลี กล่าวว่าที่สำคัญในขณะนี้กิจการโทรคมนาคมของไทยเป็นองค์กรขนาดใหญ่ทั้งขนาด
ขอบ เขตการทำงาน พื้นที่รับผิดชอบและจำนวนพนักงาน ส่งผลต่อการบริหารงานเชื่องช้า
ต้องมีการปรับโครงสร้างใหม่ให้เหมาะสมและพร้อมปรับตัวอย่างรวดเร็ว
รูปแบบของกิจการโทรคมนาคมเปลี่ยนการบริหารไปสู่รูปแบบใหม่ ในการสร้างทีมลีดเดอร์เป็นหน่วยย่อย
หลายหน่วย เพื่อตอบสนองความต้อง การของลูกค้าในช่วงใดช่วงหนึ่ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงการแบ่งตามบริการหรือเทคโนโลยีในรูปแบบของฝ่ายหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง
"โครงสร้างบริหารกิจการโทรคมนาคมรูปแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของ
ผู้บริหารองค์กรเป็นอย่างมาก เพราะเราคงไม่อยากเห็นบริษัทโทรคมนาคมไทยต้องพึ่งพาผู้บริหารต่างประเทศ
หรือไม่อยากเห็นกิจการของคนไทยตกอยู่ในมือบริษัทต่างชาติ"