ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น เผยโฉม 8 พันธมิตรทางธุรกิจ ลงขันตั้งบริษัทไทยสมาร์ทคาร์ด
ด้วยทุนจดทะเบียน 395 ล้านบาท ลงทุนสร้างระบบเครือข่ายรองรับการให้บริการบัตรเงินสด
"ดิจิตอลเพอร์ส" เผย 3 ปี ติดตั้งเครื่องรับบัตรกว่า 15,000 เครื่อง และเครื่องเติมเงินกว่า
3,000 เครื่อง หวังลูกค้าใช้จ่ายผ่านบัตร 30% ของยอดผู้ใช้เงินสดซื้อสินค้าและบริการ
ตั้งเป้ารายได้ปีแรก 25 ล้านบาท
นายก่อศักดิ์ ชัยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซี.พี. เซเว่น
อีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด จำกัด ผู้ให้บริการบัตรเงินสด
"ดิจิตอล เพอร์ส" เปิดเผยว่าบริษัทจัดตั้ง ด้วย ทุนจดทะเบียน 395 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมสร้างระบบเครือข่ายสำหรับให้บริการบัตรเงินสด และการทำตลาด
เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และการตื่นตัวของประชาชน ในการจับจ่ายใช้สอยด้วยรูปแบบการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย
บริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด มีผู้ถือหุ้นหลัก 8 ราย ได้แก่ บริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น
จำกัด (มหาชน) 10.76% ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย บริษัท บัตรกรุงไทย
ถือหุ้นรายละ 10% บริษัท เน็ทส์ แห่ง ประเทศสิงคโปร์ 8.5% บริษัทเอสวีโอเอ
จำกัด (มหาชน) 3% ส่วนที่เหลือ อีกเกือบ 7% บริษัท วีซ่า อินเตอร์ เนชั่นแนล
จำกัด จะเป็นผู้ติดต่อหา ผู้ร่วมทุนรายใหม่เข้ามา ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าธนาคารกรุงเทพ
จำกัด (มหาชน) จะเป็นผู้เข้ามาถือหุ้น
ด้านโครงสร้างการบริหาร คาด ว่านายธนินท์ เจียรวนนท์ จะเป็นประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร
และมีนายก่อศักดิ์ เป็นประธานกรรมการ บริหาร โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่อาคารอื้อจือเหลียง
ถ.พระราม 4 นายเฉลิมชัย ฉัตรชัยกนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ธุรกิจและการตลาด
บริษัท ไทยสมาร์ทการ์ด กล่าว ว่า บัตรดังกล่าวจะเริ่มใช้ได้ปลายไตรมาสแรกของปี
2546 โดยปีแรก คาดว่าจะออกบัตรได้ 9 แสนใบ และจะออกเพิ่มปีละ 1 ล้านใบ และตั้งเป้าภายใน
5 ปีจะออกบัตรให้ได้ 5.2 ล้านใบ โดยปีแรกบริษัทจัดงบการตลาดไว้ที่ 70 ล้านบาท
เพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภค
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะลงทุนระบบเครือข่ายหลัก เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อระหว่าง
บริษัทไทยสมาร์ทคาร์ด กับเครื่องรับบัตร หรือ POS terminal กว่า 15,000 เครื่องทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล
และลงทุนเครื่องเติมเงินหรือ Loading terminal กว่า 3,000 เครื่อง รวมถึง
ATM ตู้โทรศัพท์สาธารณะ และเครื่องเติมเงินตามร้านค้าทั่วไปและธนาคารผู้ให้บริการ
ซึ่งจะใช้เวลาติดตั้งแล้วเสร็จภายใน 3 ปี และหลังจากนั้นจะออกสู่ต่างจังหวัด
ตั้งเป้าผู้ใช้บัตรแทนเงินสด 30%
นายเฉลิมชัย กล่าวว่าหลังจาก ที่บริษัทออกบัตรดังกล่าวแล้ว คาดว่าในเวลา
5 ปี ลูกค้าจะหันมาใช้บัตร เงินสด"ดิจิตอล เพอร์ส"แทนเงิน สด ประมาณ 30%
ของจำนวนผู้ใช้เงินสด เพื่อซื้อสินค้าและบริการทั้งหมด ซึ่ง จะเน้นผู้ซื้อสินค้าทุกเพศทุกวัย
โดย ในช่วงนี้บริษัทได้ติดต่อกับพันธมิตร ทางธุรกิจที่จะรับบัตรเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการแล้ว
22 รายได้แก่
เดอะพิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์, ดังกิ้นโดนัท, โอบองแปง, บีทีเอส, ซึทาญ่า,
ระคุระคุ, อีจีวี, ปั๊ม น้ำมันปตท., ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ อินเตอร์เน็ท เป็นต้น
นอกจากนี้ ยัง อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรเพื่อ ให้บริการร่วมอีกหลายราย
อาทิ โมเดิร์นเทรด
"บัตรดังกล่าวจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เพราะมีความคล่องตัวในการซื้อสินค้าและบริการแล้ว
ยังช่วยแก้ปัญหาโจรกรรมและการทุจริตได้ด้วย คาดว่าในไทยจะมีผู้ใช้บัตรประมาณ
6-7% ของจำนวนผู้ใช้เงินทั้งหมด ในขณะที่สิงคโปร์มี ผู้ใช้บัตรประมาณ 13%
ของจำนวน ผู้ใช้เงินทั้งหมด"
บริษัทคาดว่าในปีแรกจะมีผู้ใช้จ่ายผ่านบัตร 500 ล้านบาท และบริษัทจะมีรายได้
1% ของจำนวนเงิน ที่ใช้จ่ายผ่านบัตร หรือคิดเป็น 25 ล้านบาท นอกจากนี้ จะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมบัตรสมาชิกและค่าเคลียริ่งการชำระเงินและการเติมเงิน
อิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย