ที่เคยเขียนเอาไว้ว่าบริษัท WorldCom คงหนีไม่พ้นสภาพล้มละลาย หลังจากนั้นไม่ถึง
1 เดือน จากวันที่ 25 มิถุนายน มาถึง วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม WorldCom
ยื่นต่อศาลขอใช้ Chapter 11
เพื่อเป็นบริษัทล้มละลายหนีการมะรุมมะตุ้มของเจ้าหนี้ทั้งหลาย โดยขอ อำนาจศาลเป็นที่พึ่งในการจัดการเคลียร์หนี้สิน
ขั้นตอนในการเป็นบริษัทล้มละลายของสหรัฐดูเป็นเรื่องปรกติทั่วไปไม่ใช่มีแต่
WorldCom เป็นรายแรก ก่อนหน้านี้มีบริษัทดอทคอม อินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการเครือข่าย
ประกาศล้มละลายไปไม่น้อย เช่น PSINet, Global Crossing แต่ไม่ร้ายแรงเท่า
เนื่องจากเป็นที่คาดหมาย
กันอยู่แล้วว่า พวกหุ้นดอทคอมในช่วงตลาดหุ้นตกต่ำคงจะอยู่ไม่รอด บริษัทที่ทำให้วงการโทรคมนาคมตื่นตระหนกในกรณี
WorldCom เนื่อง จากมูลค่าความเสียหายเป็นล้านๆ ล้านบาท
และเป็นการล้มละลายที่ใหญ่ ที่สุดของประวัติศาสตร์อเมริกา ซึ่งจะต้องส่งผลกระทบไปยังบริษัทที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกันต่อไปอีก
ล่าสุด AOL
ยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตก็กำลังโดนตรวจสอบจาก ก.ร.ต.สหรัฐอเมริกาอยู่
ดัชนีดาวน์โจนส์ และ NASDAQ ที่ลงไปต่ำจนหลุดแนว 7800 จุดและ 1300 จุดตามลำดับ
แสดงให้เห็นถึงความหวั่นไหวและตื่นตระหนกของนักลงทุนเป็นอย่างดี แถมยังมีแรงเรื่องของค่าดอลล่าห์ที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องมาหนุนอีก
ที่สำคัญคือ พวกนักวิเคราะห์ บริษัทที่ปรึกษาการเงิน
หรือบริษัทโปรกเกอร์ทั้งหลาย ต่างก็มาวิพากษ์วิจารณ์ในทางขาลงทั้งสิ้น เท่ากับเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก
เวลาช่วงขาหุ้นขึ้น ถ้าสังเกตจะเห็นว่ามีแต่เรื่องดี
เข้ามาเป็นปัจจัยหนุนเนื่อง พวกนักวิเคราะห์มักหาสาเหตุหาเหตุปัจจัยที่ดีมาเป็นตัวสนับสนุนเต็มไปหมด
คราวนี้ในทางขาลงก็เป็นในทางกลับกัน
สิ่งที่น่าสนใจนอกเหนือไปจากมาตรการเพิ่มโทษทางอาญาแก่บรรดาผู้กระทำความผิดที่เป็นผู้บริหารในบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นแล้ว
ควรจะพิจารณาเพิ่มโทษบริษัทโบรกเกอร์หรือที่ปรึกษาทางการเงินทั้งหลาย ที่บาง
รายโดยเฉพาะรายใหญ่ที่คนเชื่อถือ เชียร์หุ้น ให้ข้อมูลที่ดีเกินจริง เพื่อหวังผลให้ราคาหุ้นขึ้น
แม้นว่าจะมีการระบุไว้ในตอนท้ายกันเป็นแถวว่า การลงทุนมีความเสี่ยง หรือในความหมายอะไรในทำนองนั้นก็ตาม
พอหุ้นตก บริษัทล้มละลาย นักลงทุนรายย่อยก็รับเคราะห์กรรมไป
แต่บรรดาบริษัทที่ปรึกษา หรือโบรกเกอร์เหล่านั้นก็ยังลอยนวลอยู่ได้ เวลานี้แม้นว่าดัชนี
NASDAQ จะลดลงต่ำแบบที่บางคนมองว่าน่า จะเป็นจุดต่ำสุดแล้วก็ตาม
แต่จากสถานการณ์การกระทบกันเป็นลูกโซ่ เชื่อว่ายังจะต้องมีบริษัทโทรคมนาคม
ดอทคอม คอมพิวเตอร์และไอทีล้มละลายตามมาอีกอย่างแน่นอน หากลองพิจารณาง่ายๆ
ถึง P/E ratio
ของหุ้นยอดนิยมทั้งหลาย เช่น Yahoo, Ebay, Amazon มี P/E ratio เท่ากับ
147.99, 88.97 ตามลำดับ และถ้ายิ่งพิจารณาดูผลประกอบการของ Amazon ขณะนี้
ยังติดลบอยู่ 0.24 ดอลล่าห์สหรัฐต่อหุ้น
เท่ากับคำนวณ P/E ratio ไม่ได้ด้วยซ้ำ แสดงให้เห็นได้ว่ายังอยู่ที่ระดับสูงมากกว่าค่า
P/E โดยเฉลี่ยของหุ้น old economy ทั่วไป โดยเฉพาะเทียบกับบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ค
มีค่า T/E โดยเฉลี่ยที่
40 เท่านั้น ถึงแม้นดัชนี NASDAQ จะลดลงต่ำแล้ว แต่ถ้าเทียบกับความสามารถในการหากำไรของบริษัทดอทคอมกับราคาหุ้นที่ซื้อขายอยู่ในตลาด
ก็ยังถือว่ามีราคาสูง
ดังนั้นโอกาสที่ราคาหุ้นของพวกดอทคอมจะลงไปต่ำกว่านี้ยังมีความเป็นไปได้สูง
โดยเฉพาะหุ้นที่บริษัทโบรกเกอร์ ทั้งหลายเคยเชียร์เอาไว้ ในช่วงแนวความคิด
New Economy บูม หรือ
บริษัทในยุคคลื่นลูกที่ 3 ทั้งหลาย ขณะนี้ควรจะพึงระวังไว้เป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสโดนผลกระทบของยักษ์ใหญ่ล้มได้
บริษัทดอทคอมถ้าล้มจะไม่เหมือน WorldCom
ตรงที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสหรัฐ จะไม่ออกมาให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภค
เพราะไม่ใช่เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านสาธารณูปโภคจำพวก โทรศัพท์ เหมือน
WorldCom
ผู้บริโภคจะต้องรับผิดชอบกันเอง ส่วนบรรดานักลงทุนทั้งหลายไม่ว่าจะกรณีใด
คงต้องรับเคราะห์กันไปเอง ไม่มี กลต. ที่ไหนจะออกมารับผิดชอบประกันความเสี่ยงให้ในกรณีตัดสินใจ
ลงทุนซื้อหุ้นผิด
ผลกระทบของตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเฉพาะแรงกดดันต่ออุตสาห-กรรมโทรคมนาคมและไอที
ย่อมส่งผลถึงตลาดหุ้นไทยด้วย ขอแต่อย่า ให้เป็นแรงถึงขนาดโรคร้ายระบาดมายังตลาดหุ้นไทยเรา
อย่างน้อยการ รวมตัวของนักลงทุน จัดตั้งเป็นชมรมนักลงทุนเอาไว้ก่อน เพื่อมีปากเสียง
บ้างก็น่าจะเป็นมาตรการเสริมที่ดี และเกิดขึ้นในช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้