Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน2 สิงหาคม 2545
แกรมมี่แยกธุรกิจมีเดียเข้าตลท. เตรียมขอรับสัมปทานจากกสช.             
 


   
www resources

โฮมเพจ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่

   
search resources

จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, บมจ.




"ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม" ประธานแกรมมี่ ประกาศแยกกลุ่มธุรกิจมีเดียออกจากจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ โดยให้เอไทม์ มีเดีย เข้าซื้อ กิจการบริษัทมีเดียในเครือ เพื่อแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ปลายปีนี้

โดยใช้ชื่อใหม่ว่า "จีเอ็มเอ็ม มีเดีย" หวังระดมทุนเพื่อขอรับสัมปทานธุรกิจวิทยุ และโทรทัศน์จากกสช. เผยหากขยายธุรกิจภาพยนตร์และอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น ก็จะนำบริษัทเข้าตลาดอีกเช่นเดียวกัน

นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แกรมมี่อยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อแยกกลุ่มธุรกิจมีเดียออกจากจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ โดยจะให้บริษัท เอไทม์

มีเดีย จำกัด ซึงเป็นผู้ดำเนิน ธุรกิจวิทยุ เข้าซื้อกิจการของบริษัทในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่ ทำธุรกิจด้านมีเดียเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ บริษัทที่ประกอบกิจการด้านสื่อโทรทัศน์ ประกอบด้วย แกรมมี่เทเลวิชั่น,

เอ็กแซ็กท์ ซึ่งเป็นผู้ผลิต รายการละคร, แมสมอนิเตอร์ ผู้ผลิตรายการเกมโชว์, ทีนทอล์ก ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์,เลมอนกราส โปรดักชั่นส์,เวอร์เทกซ์ วิชั่น ส่วนบริษัททางด้านสื่อวิทยุ ประกอบด้วย เรดิโอ

คอนเซ็ปต์", มาสเตอร์ แพลน , แกรมมี่ ไดเร็คท์ และสื่อสิ่งพิมพ์ คือ บริษัท อิมเมจ พับลิชชิ่ง ซึ่งทำธุรกิจนิตยสารอิมเมจ และสำนักพิมพ์อิมเมจ เป็นต้น ซึ่งหลังจากซื้อกิจการเรียบ ร้อยแล้ว

ก็จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่ปัจจุบันยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลาดหลักทรัพย์ใหม่ แต่จะใช้ชื่อบริษัทใหม่ว่า บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) โดยมีจีเอ็ม เอ็ม

แกรมมี่ถือหุ้น 80% และอีก 20% จะกระจายให้แก่ประชาชนทั่วไป คาดว่าจะเข้าตลาดได้ภายใน ปลายปีนี้ นายไพบูลย์ กล่าวว่า การนำกลุ่มธุรกิจมีเดียเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้

เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจมีเดียของ แกรมมี่ มีผลกำไรและสามารถเลี้ยงตัวเองได้แล้ว โดยปี 2544 ธุรกิจมีเดียมีรายได้เกือบ 1,000 ล้าน บาท

และมีแนวโน้มว่าสัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจมีเดียจะเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งการเติบโตและการ บริหารงานของธุรกิจมีเดียในปัจจุบันก็ไม่เกี่ยวพันธ์กับธุรกิจเพลงมากนัก

ในขณะที่ธุรกิจเพลงซึ่งมีเพลงที่เป็นลิขสิทธิ์นับหมื่นเพลง นับเป็นมูลค่ามหาศาล ที่ทางบริษัทก็ไม่อยากให้มูลค่าใน ส่วนนี้ต้องปะปนอยู่กับธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเพลง และที่สำคัญก็คือ

เป็นการสร้างความชัดเจนในการทำธุรกิจให้แก่นักลงทุน ที่รู้ว่ากำลังลงทุนทำธุรกิจอะไร สำหรับการนำธุรกิจมีเดียเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในครั้งนี้

เนื่องจากเป็นการระดมทุนเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจหลังจากที่ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ หรือกสช. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยบริษัทจะนำเงินที่ระดมเงินทุนได้มาใช้ในการ ขอรับสัมปทานกิจการวิทยุและโทรทัศน์จากกสช. ทั้งในการขอรับสัมปทานคลื่นวิทยุ และการบริหาร สถานีโทรทัศน์ ซึ่งเชื่อว่าบริษัทมีความพร้อมทั้งเงินทุน

ศักยภาพ และความเชี่ยวชาญในธุรกิจทั้งสองประเภทเป็นอย่างดี "การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯยังส่งผลดีต่อบริษัท ที่นอกจากจะเป็นการระดมทุนเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจแล้ว ยังช่วยให้บริษัทได้รับการลด

หย่อนภาษีลงจากเดิมที่จะต้องเสียภาษีปีละ 30% เป็น 20% และบริษัทกำลังเจรจาเพื่อจะขอให้ลดอัตราการเสียภาษีลงเหลือ 15% ซึ่งหากคิดเฉพาะส่วนต่างที่ลดลงจากการได้รับการลดหย่อน

อัตราการจัดเก็บภาษีเพียง 10% จะทำให้บริษัทประหยัดเงินส่วนนี้ไปได้ 20-30 ล้านบาทต่อปี" นอกเหนือจากธุรกิจมีเดียแล้ว แกรมมี่ยังมี แผนที่จะนำธุรกิจกลุ่มอื่นเข้าตลาดหลักทรัพย์หาก

กิจการขยายตัวเพิ่มขึ้น อาทิ ธุรกิจภาพยนตร์ ซึ่ง ปัจจุบันแกรมมี่มีภาพยนตร์อยู่ในมือประมาณ 10 เรื่อง และยังได้หับ โห้ หิ้น

เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรในการผลิตภาพยนตร์ป้อนให้แกรมมี่เพียงค่ายเดียวอีกด้วย

ซึ่งหากในอนาคตธุรกิจภาพยนตร์ของแกรมมี่ขยายตัวก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์เช่นเดียวกับเอไทม์ มีเดีย รวมทั้งธุรกิจอินเทอร์เน็ต ที่มี บริษัท อีโอ ทูเดย์ ดอทคอม เป็นผู้บริหาร

โดยคาดว่าในปีนี้จะมีกำไรจากธุรกิจอินเทอร์เน็ตประมาณ 15-20 ล้านบาท นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ปีนี้นับได้ว่าเป็นปี ทองของแกรมมี่ในด้านผลการดำเนินงาน เนื่องจากผลกำไรของ บริษัท

จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ในช่วง ไตรมาสแรกของปีนี้ เท่ากับกำไรของปี 2544 ตลอดทั้งปี และกำไรในช่วงไตรมาสที่สองก็ยังเพิ่มขึ้น และคาดว่าไตรมาสที่สามก็จะมีกำไรเป็น ที่น่าพอใจเช่นเดียวกัน

ซึ่งผลกำไรที่เพิ่มขึ้นนี้เป็น ผลมาจากการที่แกรมมี่ได้ลดราคาซีดีและวีซีดีลง เหลือแผ่นละ 155 บาทเมื่อกลางปี 2544 ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จนปัจจุบันสัดส่วนการขายซีดีและวีซีดี

คิดเป็นสัดส่วน 60% และเทปมีเพียง 40% จากที่ก่อหน้านี้การขายซีดีและวีซีดี มีสัดส่วนเพียง 10% ส่วนเทปมีถึง 90% "การที่ยอดขายซีดีและวีซีดีเพิ่มขึ้นส่งผลให้ บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น เพราะการขายซีดี

วีซีดี จะได้กำไรดีกว่าการขายเทป" นอกจากนี้ ผลกำไรที่มากขึ้นเป็นผลมาจากการลดการขาดทุนของบริษัท จีเอ็มเอ็ม 8866 จำกัด ในไต้หวัน จากปีก่อนที่มียอดขาดทุนสะสม 200 ล้านบาท

ในปีนี้คาดว่าจะมีกำไร ส่วนบริษัทอีโอ ทูเดย์ ก็คาดว่าจะมีกำไร 15-20 ล้านบาท การปิดบริษัทที่ไม่ทำกำไร และการที่เศษฐกิจ โดยรวมของประเทศดีขึ้นส่งผลให้อัตราการลงโฆษณาในรายการวิทยุของเอไทม์มีเดีย เติบโต 20% ส่วนโฆษณาในรายการโทรทัศน์ของแกรมมี่ก็เติบโตขึ้น 10% จึงทำให้ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีที่สุดของแกรมมี่

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us