|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เอทีซียันเสนอขายหุ้นกู้ 300 ล้านเหรียญสัปดาห์นี้ เพื่อใช้ก่อสร้างโรงงานอะโรเมติกส์ 2 ยอมรับมีปัญหาการเสนอขายหุ้นกู้ เนื่องจากตลาดพันธบัตรสหรัฐฯแกว่งและบริษัทในเครือปตท.ได้ขายหุ้นกู้ ติดๆ กันจนนักลงทุนลังเลซื้อช่วงแรก ส่วนแผนการควบรวมกิจการเอทีซีกับพีทีที เคมีคอล หรือกลุ่มโรงกลั่นนั้น จะทำให้ขนาดของรายได้ใหญ่มากเกินไปอาจส่งผลต่อการบริหารงาน
นายเพิ่มศักดิ์ ชีวาวัฒนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่บมจ.ปตท.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของเอทีซีกำลังพิจารณาที่จะนำบริษัทฯ ไปควบรวมกิจการ กับบริษัท พีทีที เคมีคอล หรือโรงกลั่นน้ำมัน หลังจากการควบรวมกิจการของบมจ.ปิโตรเคมีแห่งชาติ (เอ็นพีซี) และบมจ.ไทยโอเลฟินส์ (ทีโอซี) แล้วเสร็จ ซึ่งตนเห็นว่ารายได้ของเอทีซีหลังจากขยายโรงอะโรเมติกส์หน่วย 2 จะสูงถึง 1 แสนล้านบาท ซึ่งมีขนาดรายได้ใหญ่มากเกินไปหรือไม่หากจะไปควบรวมกับเอ็นพีซี-ทีโอซี จนทำให้การบริหารงานไม่คล่องตัว เช่นเดียวกับการนำเอทีซีไปควบรวมกับโรงกลั่นน้ำมันระยอง (ภายหลังรวมโรงกลั่นเอสพีอาร์ซีแล้ว) รายได้รวมจะทะลุ 2 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ทางปตท.จะเป็นผู้ตัดสินใจในการควบรวมกิจการของเอทีซีจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในปี 2549
นายเพิ่มศักดิ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการออกหุ้นกู้ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้ลงทุนก่อสร้างโรงอะโรเมติกส์หน่วย 2 ว่า บริษัทฯ จะสามารถออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีการค้ำประกันสกุลดอลลาร์สหรัฐ 300 ล้านเหรียญ ได้ภายสัปดาห์นี้ หลังจากเดินทางไปโรดโชว์ขายหุ้นกู้ที่ลอนดอน ฮ่องกง และสิงคโปร์ แล้วต้องชะลอการขายหุ้นกู้ดังกล่าวออกระยะหนึ่ง แม้ว่ากองทุนต่างประเทศให้ความ เชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจผลิตอะโรเมติกส์ของบริษัทที่มีต้นทุนต่ำ แต่เนื่องจากสภาพตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ แกว่งตัว หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และบริษัทในเครือปตท.ได้ขายหุ้นกู้ต่างประเทศติดต่อกัน อาทิ ไทยออยล์ และทีโอซีได้ออกหุ้นกู้ต่างประเทศไปก่อนหน้านี้ และปตท.จะออกหุ้นกู้ตามมาอีก ทำให้นักลงทุนลังเลที่จะซื้อหุ้นกู้เอทีซีในช่วงแรก
ทั้งนี้ เอทีซีจะออกหุ้นกู้ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยประมาณ 5.4-5.5% โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้จะนำไปลงทุนสร้างโรงอะโรเมติกส์ 2 ขนาดกำลังการผลิตพาราไซลีน 6.16 แสนตัน และเบนซิน 3.63 แสนตัน ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ได้คัดเลือกกลุ่มบริษัทเอสเค เอ็นจิเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่นและบริษัท จีเอส เอ็นจิเนียริ่งฯ เป็นผู้ก่อสร้างงานด้านวิศวกรรม จัดหาเครื่องจักร คิดเป็นมูลค่ารวม 653.53 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนผลประกอบการปี 2548 คาดว่าจะมีกำไรใกล้เคียงจากปีที่แล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันขยับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบแคบลงกว่าปีก่อน เนื่องจากบริษัทประมาณการราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 30 กว่าดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ผลกระทบจากค่าเงินหยวนของจีนก็ไม่มีแล้ว ทำให้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในระยะนี้ปรับตัวสูงขึ้น
นายอธิคม เติบศิริ รองผู้จัดการใหญ่แผนธุรกิจและการเงิน บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในความเห็นส่วนตัวแล้ว การนำเอทีซีไปควบรวมในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีจะมีความเหมาะสม ทำให้ปตท. กำหนดทิศทางการทำธุรกิจปิโตรเคมีได้ดีขึ้น เพราะมีหลายโครงการที่บริษัทฯได้ร่วมทุนกับทีโอซีและเอ็นพีซีเพื่อทำธุรกิจขั้นปลาย ส่วนแนวคิดที่จะนำเอทีซีไปควบรวมในโรงกลั่นเพื่อต้องการลดต้นทุนนั้น ความจริงแล้วเอทีซีมีการลดต้นทุนอยู่แล้ว โดยมีหน่วยกลั่นรีฟอร์เมอร์ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโรงกลั่นน้ำมัน
ปัจจุบันราคาพาราไซลีนและเบนซินได้ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 790 และ 770 เหรียญสหรัฐ เมื่อปลายเดือนมิ.ย. ขึ้นมาอยู่ที่ 850 และ 980 เหรียญสหรัฐ ตามลำดับ เนื่องจากจีนเริ่มสั่งซื้อปิโตรเคมีเพื่อนำมาผลิตสินค้าให้ทันช่วงคริสต์มาส แม้ว่าราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์จะอ่อนตัวลงในช่วงไตรมาส 2 แต่คาดว่า ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปีนี้จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนแน่นอน โดยมีส่วนต่างระดับราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบอยู่ที่ 400-450 เหรียญสหรัฐต่อตัน
|
|
|
|
|