แบงก์แลนด์เตรียมใช้กลยุทธ์ดอกเบี้ยต่ำ จูงใจลูกค้าเข้ามาใช้สินเชื่อในธนาคารแห่งใหม่โดยเล็งที่ฐานลูกค้าโครงการในเครือแลนด์ "รัตน์ พานิชพันธุ์" บอสใหญ่คิวเฮ้าส์ เล็งนำร่องโอนลูกค้าโครงการลัดดารมย์ เอกมัย-รามอินทราและวัชรพลเข้าพอร์ตแบงก์แลนด์ ส่วนลูกค้าคาซ่าวิลล์ อาจไม่เข้าพอร์ตปี'49 ด้าน "กรี เดชชัย" หนึ่งในขุนพล ระบุปีหน้าผุดโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ลัดดารมย์ 2 ทำเล มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ขณะที่ 3 โครงการที่รับผิดชอบมียอดโอนกว่า 1,300 ล้านบาท
เรืออากาศเอก กรี เดชชัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส โครงการพฤกษ์ภิรมย์ รีเจนท์ เกษตร- นวมินทร์ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับนโยบายจากนายรัตน์ พานิชพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการคิวเฮ้าส์ ในการตรวจสอบและจัดพอร์ตเพื่อโอนลูกค้าไปยังธนาคารเพื่อรายย่อยแห่งใหม่ของบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) LH อาทิ ลูกค้าในโครงการลัดดารมย์ วัชรพล ที่คาดว่าจะโอนไปยังธนาคารใหม่ประมาณ 600 ล้านบาท และโครงการลัดดารมย์ เอกมัย-รามอินทรา ซึ่งจำนวนที่จะโอนไปมีมูลค่าเท่าไหร่ ไม่สามารถระบุได้ เพราะว่าต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกค้าเป็นหลัก
"คุณรัตน์ให้ไอเดียในการจูงใจลูกค้า เช่นกลยุทธ์ดาวน์ 5 หมื่นบาท ก็สามารถอยู่ได้ หรือการให้ธนาคารแห่งใหม่เสนออัตราดอกเบี้ยที่จูงใจมากๆ หรือแม้แต่การให้ลูกค้าอยู่ฟรี สิ่งเหล่านี้จะช่วยในการขยับพอร์ตที่จะโอนไปยังแบงก์แลนด์มากขึ้น สำหรับแบรนด์คาซ่าวิลล์คงจะไม่ทัน ในช่วงปี 2549 เนื่องจากกำลังพัฒนาอยู่ แต่สุดท้ายแล้วลูกค้าในกลุ่มนี้เหมาะสมกับการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารแห่งใหม่"
เรืออากาศเอกกรี เดชชัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส โครงการพฤกษ์ภิรมย์ รีเจนท์ เกษตร-นวมินทร์ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจ เมื่อต้นปี 48 ที่ผ่านมาว่า สินค้าแทบทุกประเภทมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้างและน้ำมันที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนิ่งแต่อย่างใด ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน แต่ในส่วนของบริษัทเองนั้น สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพร้อมขาย จึงมีความได้เปรียบในเรื่องราคาขาย ที่ได้มีการปรับเพิ่มไปกับราคาวัสดุก่อสร้างอยู่แล้ว โดยราคาจะไม่แพงและถูกจนเกินไป ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัท
"ด้วยจุดแข็งนี้เองจะส่งผลให้บริษัทมีความได้เปรียบในการขายโครงการในช่วงครึ่งปีหลัง โดยนโยบายของเราจะยังคงมุ่งเน้นตลาด ระดับสูงซึ่งเป็นลูกค้าเฉพาะกลุ่มเป็นหลักเช่นเดิม ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ อย่างไรก็ตามแม้ว่าในครึ่งปีหลังนี้จะยังมีปัจจัยลบต่างๆเข้ามากระทบเป็นระยะๆ แต่ก็เชื่อว่าลูกค้าคงไม่เปลี่ยนใจที่จะซื้อบ้านแน่นอน เพราะด้วยฟังก์ชันและดีไซน์แล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่จะพอใจ ส่วนเรื่องปรับราคาสินค้านั้นเราก็ได้มีการทยอยปรับมาตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 48 แล้ว คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้คงปรับขึ้นมาไม่เกิน 3%"
เรืออากาศเอก กรี กล่าวต่อไปว่าในปี 49 มีแผนจะพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ "ลัดดารมย์" อีก 2 โครงการ คือทำเลที่ศรีนครินทร์-อ่อนนุช ตั้งอยู่บนพื้นที่ 35 ไร่ โดยบริษัทซื้อที่ดินมาในราคาไร่ละประมาณ 6 ล้านบาทเศษ และจะพัฒนาบ้านระดับราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท มูลค่า โครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนอีกทำเลหนึ่งอยู่ในทำเลรัตนาธิเบศร์ เนื้อที่พัฒนาประมาณ 60 ไร่ รูปแบบบ้านเดี่ยวระดับราคาประมาณ 15 ล้านบาทขึ้นไป รวมมูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่รับผิดชอบอยู่ในขณะนี้มี 3 โครงการ คือ 1. ลัดดารมย์ เอกมัย-รามอินทรา ที่ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการเพื่อขายไปแล้วประมาณ 50% ปัจจุบันมียอดขาย 400 ล้านบาท และมียอดโอนประมาณ 350 ล้านบาท และในเดือน ส.ค.-ก.ย.48 นี้จะเปิดขายในเฟสใหม่ราคาอยู่ที่ประมาณ 15 ล้านบาทขึ้นไป
2.โครงการพฤกษ์ภิรมย์ รีเจนท์ สุขุมวิท (ลาซาล) มีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 450 ล้านบาท หรือประมาณ 10 ยูนิต มียอดโอนแล้ว 400 ล้านบาท และในเดือน ส.ค.มีแผนที่จะเปิดบ้านพร้อมสวนโซนน้ำตกอีก 1 รูปแบบ และในปี 49 จะนำที่ดินโซนด้านขวาของประตูทางเข้าโครงการประมาณ 30 กว่าไร่ มาพัฒนาบ้านพร้อมอยู่ราคา 50-80 ล้านบาทอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์ของตลาดบ้านหรูระดับบนโดยทั่วไปคาดว่ายอดขายจะลดลง แต่ผลจากการเปิดตัวบ้านหรูแนวคิดใหม่พร้อมสระว่ายน้ำและเรือนรับรองแยกส่วน ราคา 60 ล้านบาท ในโครงการพฤกษ์ภิรมย์ รีเจนท์ สุขุมวิท (ลาซาล) เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นบ้านต้นแบบสำหรับบ้านหลังอื่นๆ ที่จะทยอยออกมาในโครงการพฤกษ์ภิรมย์ รีเจนท์ เกษตร-นวมินทร์ นั้นก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า จึงทำให้มีผลต่อยอดมายังโครงการพฤกษ์ภิรมย์ รีเจนท์ เกษตร-นวมินทร์ด้วย
3.โครงการพฤกษ์ภิรมย์ รีเจนท์ เกษตร-นวมินทร์ ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเปิดขายในพื้นที่โซนพิเศษระดับพรีเมียม "มาเจสติกโซน" ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นส่วนตัวสูง และถือเป็นพื้นที่แปลงสุดท้ายในโครงการดังกล่าว มีจำนวนทั้งสิ้น 10 ยูนิต พื้นที่ตั้งแต่ 260-440 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 30-60 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 5 ยูนิต โดยลูกค้าที่ซื้อจะมีทั้งที่ซื้อเงินสด และผ่อนดาวน์เป็นงวดๆ ส่วนอีก 5 ยูนิต ที่เหลือคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในปลายปีนี้
"เดิมเราคาดว่าตลาดบ้านหรูระดับราคา 15 ล้านบาท ตั้งแต่ในช่วงต้นปี 48 ที่ผ่านมานี้ จะเป็นบ้านในกลุ่มที่ได้รับความนิยม และตรงกับความต้องการของตลาดมากกว่าในช่วงกลางไตรมาส 2 จึงทำการทดสอบตลาดโดยเปิดบ้านหรูหลังแรกที่ราคา 40 ล้านบาท ในมาเจสติกโซนก่อน ผลสถานการณ์ตลาดของกลุ่มลูกค้าที่ตอบรับคือ ตลาดพลิกกลับ ลูกค้าทั้งเก่าและใหม่แวะเข้ามาชมบ้านที่สร้างเสร็จมากขึ้นกว่าเดิม จากปกติสัปดาห์ละประมาณ 15-20 ราย ล่าสุดเพิ่มเป็น 30 รายต่อสัปดาห์"
เรืออากาศเอกกรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดบ้านหรูราคาแพงยังเป็นที่ต้องการของลูกค้า ซึ่งสวนกระแสภาวะตลาดที่ต่างหันมาเน้นบ้านหรูระดับกลาง-ล่าง เนื่องจากขณะที่ยังไม่ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการ ก็มีลูกค้าใหม่ที่เกิดจากการแนะนำของลูกค้าเก่าประมาณ 50% ต่างเข้ามาชมและตัดสินใจซื้อโครงการกันเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาโครงการพฤกษ์ภิรมย์ รีเจนท์ เกษตร- นวมินทร์ สามารถทำยอดขายรวมได้ ทั้งสิ้น 550 ล้านบาท หรือหากคิดเป็นยอดขายรวมทั้งหมดตั้งแต่แรกเริ่มเปิดการขายโครงการคิดเป็นมูลค่า 1,940 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 2,200 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกที่ผ่านมาสามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าไปกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโครงการที่ทำรายได้ให้บริษัทเป็นอันดับ 1 มาโดยตลอด ซึ่งปี 47 ที่ผ่านมา มียอดขายทั้งสิ้นประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่ในปี 48 นี้คาดว่าจะไม่ถึง 1,000 ล้าน บาท เนื่องจากเหลือขายเพียงไม่กี่ยูนิตและจะปิดขายได้ในปีนี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาพ รวมของยอดขายโครงการที่ตนรับผิดชอบนั้น ในครึ่งปีแรก 48 นี้ถือว่ามียอดขายสูงกว่าปี 47 ประมาณ 15% ที่ทำยอดขายได้ประมาณ 1,700 ล้านบาท จากเป้ารวมของบริษัทคิวเฮ้าส์ที่ 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ในปีนี้คาดว่าใน ส่วนที่รับผิดชอบจะมียอดขายรวมประมาณ 2,500 ล้านบาท จากยอดขาย ของกลุ่มบริษัทที่ 7,000 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2549 โครงการที่รับผิดชอบจะมีมูลค่าประมาณ 2,600 ล้านบาท
|