|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ภิรมย์" ปฏิเสธ อีสเทิร์นไวร์ไม่ใช่หุ้นการเมือง อ้าง 100 อันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่มีตระกูล "ลาภวิสุทธิสิน" ถือหุ้น แต่ยอมรับมีนามสกุลคนดังรวมทั้งนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล-ค้าน ยันนายแบงก์ก็ถือหุ้น เตรียมเงิน 650 ล้าน ลงทุนเพิ่ม มั่นใจมีเงินชำระหนี้ตั๋วบีอีที่จะครบกำหนดตุลาคมนี้ 423 ล้าน ชี้แจงก่อนหน้านี้ขายหุ้นอีสเทิร์นไวร์เป็นเรื่องส่วนตัวอยากให้เข้าใจ ยินดีร่วมมือ ก.ล.ต.หากมีการขอข้อมูลมา "พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก" ประธานอีสเทิร์นไวร์ ออกโรงการันตีงบการเงินตรวจสอบดูแลถูกต้องตลอดเวลา
นายภิรมย์ ปริยวัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทอีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ EWC กล่าวยืนยันว่าบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหุ้นบริษัท ปิคนิค คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNI ของตระกูลลาภวิสุทธิสิน ครอบครัวนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน อดีตรมช.พาณิชย์ และไม่ได้เป็นหุ้นการเมืองตามที่เป็นข่าว โดยอ้างว่าจากข้อมูล 100 อันดับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ไม่มีคนในตระกูล "ลาภวิสุทธิสิน" ติดอยู่ในกลุ่ม
แต่สัดส่วนการถือครองหุ้นอาจจะปรับเปลี่ยนไปได้ทุกวัน เพราะนักลงทุนทุกคนสามารถซื้อขายหุ้นบริษัทจดทะเบียนได้ตลอดเวลา โดยปัจจุบันจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยมี 5,000 ราย แต่หลังจากหุ้นเพิ่มทุนเข้าซื้อขายมีผู้ถือหุ้นรายย่อยประมาณ 2,000 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้ถือหุ้นที่มีนามสกุลคนดัง ทั้งกลุ่มนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนายแบงก์รวม อยู่ด้วย
"ใครจะเข้ามาซื้อหุ้นบริษัทเราก็สามารทำได้ เราเป็นบริษัทที่เป็นมหาชน การเปลี่ยนแปลงของผู้ถือหุ้นในแต่ละวันก็อาจจะไม่เหมือนกัน แต่เรายืนยันว่าบริษัทเราไม่ได้เป็นหุ้นการเมือง" นายภิรมย์กล่าว
สำหรับเรื่องตั๋วเงินระยะสั้น หรือ B/E ปัจจุบันมียอดคงเหลือ 423 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระทั้งจำนวนในช่วงเดือนต.ค. บริษัทยืนยันว่าการชำระจะไม่มีปัญหา เนื่องจากปัจจุบันมีเงินหมุนเวียนที่ได้จากการเพิ่มทุน 1,150 ล้านบาท ซึ่งเงินในจำนวนดังกล่าวปัจจุบันก็ยังอยู่ครบเต็มจำนวน
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะนำเงินประมาณ 650 ล้านบาท ลงทุนในบริษัทที่มีความเกี่ยวโยงกับธุรกิจปัจจุบันเพื่อขยายธุรกิจของบริษัทต่อได้ แต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนให้เต็มจำนวนในปีนี้ โดยมองผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับ 15%
"ส่วนที่ผมขายหุ้นออกในช่วงก่อนที่จะมีการขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท เป็นเรื่องส่วนตัวที่ตนเองก็สามารถขายหุ้นออกไปได้ และที่สำคัญตนเองก็ยังมีหุ้นที่ถืออยู่อีกจำนวนไม่น้อย และผมก็ทำอย่างถูกต้องมีการแจ้งต่อตลาดฯ อยากให้มองว่าการขายหุ้นออกไปก็เป็นเรื่องส่วนตัว"
สำหรับราคาหุ้น EWC ที่ผันผวนรุนแรง โดยปรับขึ้นและลดลงอย่างหนักเป็นผลทางด้านจิตวิทยา แต่คงไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานของ บริษัท เพราะผู้บริหารต้องคำนึงถึงการบริหารงาน เพื่อให้บริษัทได้รับกำไรจากธุรกิจให้มากที่สุด ราคาหุ้นกับการบริหารงานต้องแยกจากกัน ผู้บริหารไม่ใช่จะต้องมีการแถลงข่าวทุกครั้งที่มีข่าวลือกับทางบริษัทเพราะผู้บริหารต้องบริหารบริษัทเพื่อสร้างผลกำไรให้บริษัท
อย่างไรก็ตาม เรื่องการซื้อหุ้นคืนหรือไม่นั้น บริษัทก็ไม่มีนโยบายในส่วนนี้ เชื่อว่าเมื่อถึงจุดสมดุลก็จะมีการลงทุนของนักลงทุนกลับเข้ามาเอง จึงต้องให้เวลาในส่วนนี้ด้วย
"ผมก็มีหุ้น EWC อยู่ การขึ้นลงของราคาหุ้น ถ้าเอามาคิดรายวันคงนอนไม่หลับเลยครับ เพราะมันเปลี่ยนแปลงเยอะ แต่ถ้ามองผลประกอบการบริษัท มองเงินปันผลก็สบายใจขึ้น เรากังวลเกี่ยวกับข่าวที่ไม่ตรงกับพื้นฐานของบริษัท ซึ่งเรื่องดังกล่าวส่งผลต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย และขอยืนยันอีกครั้งว่าบริษัทมีสภาพคล่องดี" นายภิรมย์กล่าว
ส่วนเรื่องที่มีนักลงทุนรายย่อยยื่นเสนอขอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้ามาตรวจสอบบริษัทเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ทำให้นักลงทุนรายย่อยเกิดความสับสน เรื่องดังกล่าวบริษัทก็พร้อมจะให้ข้อมูลอย่างเต็มที่แต่ขณะนี้สำนักงานก.ล.ต.ยังไม่ได้เรียกขอข้อมูลหรือให้มีการชี้แจงเรื่องดังกล่าว แต่อย่างใด
นายภิรมย์กล่าวอีกว่า เรื่องการเข้าไปลงทุนในบริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) ทางบมจ. อีสเทิร์นไวร์ จะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ประธานคณะกรรมการบมจ.อีสเทิร์นไวร์ กล่าวว่า เรื่องงบการเงินของบริษัทมีการตรวจสอบดูแลอย่างถูกต้อง และยืนยันว่าไม่พบว่าผู้บริหารบริษัทเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวในส่วนของเรื่องภาพลักษณ์บริษัทที่หลายคนมองว่าเป็นหุ้นการเมือง ก็คงไม่ต้องมีการปรับอะไรในส่วนของการบริหาร แต่ยืนยันเราไม่ได้เป็นหุ้นการเมือง
นายนที ดำรงค์กิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าไปลงทุนในตั๋วเงินระยะสั้น (บี/อี) ของEWC ในช่วงก่อนหน้า เนื่องจากประเมินว่าบริษัทมีความสามารถในการคืนหนี้ โดยตั๋วบี/อีมีกำหนดครบอายุการชำระหนี้ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้จำนวน 50 ล้านบาท เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการคืนหนี้แน่นอน เนื่องจาก ได้รับการยืนยันจากบริษัทว่าจะสามารถคืนหนี้ได้ เพราะเงินที่เพิ่มทุนในช่วงก่อนหน้า 1.1 พันล้านบาท มีการนำไปใช้ไม่ถึง 200 ล้านบาท ทำให้มีเงินเหลือเพียงพอที่จะคืนหนี้ตั๋วบี/อี
|
|
|
|
|