คุณเคยคิดบ้างไหมว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าอุตสาหกรรมที่คุณดำเนินอยู่จะเปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันไปในทิศทางใดบ้าง บางทีคุณอาจเป็นเหมือนกับผู้จัดการรายอื่นๆที่มัวแต่ง่วนอยู่กับการดูแลกิจการธุรกิจหรือไม่ก็นั่งคิดแต่ที่จะปรับระบบธุรกิจของบริษัทหรืออาจะใช้เวลาในการนั่งแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีตมากกว่าที่จะหาเวลามาสรรค์สร้างวาดฝันถึงสภาพการตลาดในอนาคต

จากการสำรวจเมื่อเร็วๆนี้พบว่า 80% ของเหล่าผู้จัดการในสหรัฐฯมองว่า “คุณภาพ” เป็นความได้เปรียบเชิงแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 2000 ในขณะที่บรรดาผู้จัดการชาวญี่ปุ่นให้คำจำกัดความของคำคุณภาพว่าคือ ความสามารถพื้นฐานในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และธุรกิจใหม่ๆ

หากคุณต้องการที่จะแข่งขันในอุตสาหกรรมเพื่อที่จะสามารถยืนหยัดได้ในอนาคต เราขอแนะนำให้คุณอ่านหนังสือเล่มที่ชื่อว่า “COMPETING FOR THE FUTURE” ที่เขียนโดย GARY HAMEL ซึ่งเป็นศาสตราจารย์อยู่ที่ LONDON BUSINESS SCHOOL และ PRAHALAD ซึ่งเป็นอาจารย์สอนที่ MICHICAN UNIVERSITY’S GRADUATE SCHOOL OF BUSINESS ADMINISTRATION

หนังสือเล่มนี้ระบุว่าภาระเบื้องต้นของการจัดการในระดับสูงก็คือ การสร้างสรรค์อุตสาหกรรม รวมทั้งปรับปรุงยุทธศาสตร์เสียใหม่โดยได้ยกตัวอย่างซีเอ็นเอ็น ซึ่งทำการสรรค์สร้างอุตสาหกรรมของตนใหม่ ในขณะที่สายการบินบริติช แอร์เวย์สก็ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ครั้งใหม่เช่นกัน จนทั้งสองสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในสาขาธุรกิจของตน

จุดมุ่งหมายของการเขียนหนังสือเล่มนี้ก็เพื่อช่วยบรรดาผู้จัดการให้รู้จักวาดจินตนาการถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นและสร้างสรรค์ให้เป็นไปตามที่วาดไว้ กระนั้นก็ตาม การแข่งขันในอนาคตนับว่ายังคงแตกต่างจากการแข่งขันในปัจจุบันอยู่หลายขุมทีเดียว เพราะมันจะอยู่ในรูปของการแสวงหาส่วนแบ่งโอกาสมากกว่าที่จะเป็นการแสวงหาส่วนแบ่งตลาดและการแข่งขันในอนาคตนี้ก็ยังเกิดขึ้นใน “สมรภูมิที่ไร้โครงสร้าง” ที่ซึ่งไม่มีกฎเกณฑ์ของการแข่งขันเขียนระบุไว้

หนังสือเล่มนี้แนะนำว่าภารกิจอันดับแรกของตัวผู้จัดการอุตสาหกรรมก็คือความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เพื่อที่จะละทิ้งอดีต หลังจากนั้นก็คือการใช้อุตสาหกรรมที่มีอยู่เจาะทะลวงเข้าไปเพื่อประเมินถึงผลประโยชน์ประเภทใหม่ๆของลูกค้าในอนาคต รวมทั้งพลังอำนาจใหม่ที่จะต้องมีไว้เพื่อจัดการกับผลประโยชน์เหล่านั้น

นอกจากนี้หนังสือเล่มดังกล่าวยังชี้แนะให้เห็นว่าบริษัทต่างๆที่กำลังสร้างสรรค์อนาคตล้วนมีความรู้ซึ้งเข้าใจถึงโชคชะตา และพร้อมที่จะทำการเปลี่ยนอนาคตก่อนที่ผู้อื่นจะชิงตัดหน้าไปเสียก่อน ด้วยการจัดวางมาตรฐานใหม่และบริษัทเหล่านั้นยังรู้อีกว่าแก่นพลังอำนาจที่สำคัญคืออะไร ทั้งยังสามารถใช้มันสร้างทางออกให้กับอนาคตได้

เรียกได้ว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยความหลักแหลม เพราะเป็นหนังสือที่แตกต่างจากนิตยสารการจัดการที่วางขายตามแผงทั่วไป ที่มักมีแต่เรื่องการรวมศูนย์อำนาจ VS จุดรวมของลูกค้าและหากคุณรู้จักที่จะอ่านมันด้วยความพินิจพิเคราะห์หนังสือเล่มนี้คงมีส่วนช่วยให้คุณสามารถจัดการกับอนาคตของอุตสาหกรรมที่อยู่ในกำมือของคุณได้อย่างแน่นอน