Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2538
รถเยอรมนีขายดีในญี่ปุ่น             
 





เป็นการยากเหลือเกินสำหรับโยชิกาซุ โยชิโอกะ ผู้จัดการฝ่ายของของไอบีเอ็มในญี่ปุ่นว่าเขาจะเลือกซื้อรถอะไรดีระหว่างบีเอ็มดับบลิวของเยอรมนีหรือเมอร์เซเดสเบนซ์คันงาม รถจากประเทศเดียวกัน แต่ที่แน่ๆเขาไม่ซื้อรถจากสหรัฐฯเป็นเด็ดขาด

การที่สหรัฐฯกำหนดเส้นตายการคว่ำบาตรการค้าญี่ปุ่นเอาไว้ในวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา อันเป็นมาตรการเด็ดขาดในการเปิดตลาดญี่ปุ่นให้สินค้ารถยนต์จากสหรัฐฯนั้น สหรัฐฯหารู้ไม่ว่าตนได้กระทำความผิดที่ใหญ่หลวงอย่างมิอาจแก้ไขได้เพราะมาตรการแบบนักเลงดังกล่าวย่อมเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้ชาวญี่ปุ่นหันไปซื้อรถจากแดนไส้กรอกมากขึ้น

เหตุผลหนึ่งก็คือบริษัทรถของเยอรมนีได้วางรากฐานไว้ในญี่ปุ่นเป็นอย่างดีแล้วในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาด้วยการทุ่มทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการวางเครือข่ายนายหน้าขายรถยนต์ หน่วยส่งเสริมการขายและจัดจำหน่าย นอกจากนี้บริษัทเยอรมนียังออกแบบรถยนต์ให้เข้ากับรสนิยมของชาวอาทิตย์อุทัยอีกด้วย ทำให้สามารถครองส่วนแบ่งตลาดรถในญี่ปุ่นเป็นจำนวนถึง 50%ของรถยนต์นำเข้าตั้งแต่ปี 1981

ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ลงทุนในญี่ปุ่นเป็นจำนวนเงินกว่า 355 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 1981 ส่วนในปี 1992 โฟล์กสวาเก้นและเอาดี้ นิปปอนเพิ่งแล้วเสร็จการสร้างโครงสร้างท่าเรือน้ำลึกสำหรับรองรับรถนำเข้ามูลค่า 320 ล้านดอลลาร์และคาดว่าจะสามารถรองรับรถนำเข้าได้มากถึงปีละ 100,000 คันในปี 1999 เทียบกับปริมาณเงินที่บริษัทรถสหรัฐฯ ลงทุนในญี่ปุ่นเพียงแค่ 120 ล้านดอลลาร์ แน่นอนผลคือ 3 บริษัทรถเยอรมนีมียอดขายในญี่ปุ่นปีละ 30,000 คันต่อปี

นอกจากนี้ ราคารถเยอรมนีและสหรัฐฯยังไม่ต่างกันมากอีกด้วย โดยในปี 1994 เมอร์เซเดส-เบนซ์ลดราคาขายรถรุ่นซีรีส์อีของตนลง 7,300 ดอลลาร์โดยเฉลี่ยขณะที่บีเอ็มดับบลิวก็ออกรถรุ่นใหม่คือ 318 ไอมาลอใจชาวญี่ปุ่น สนนราคาแค่คันละ 35,500 ดอลลาร์เท่านั้น

ยิ่งในขณะที่การแข่งขันกันขายรถต่างชาติในญี่ปุ่นทวีความรุนแรงขึ้นบริษัทรถเยอรมนียิ่งเร่งขยายฐานตัวแทนจำหน่ายออกไปอย่างรายโฟล์กสวาเก้นที่ขยายฐานดังกล่าวออกไปเป็น 176 แห่งในปีนี้ จาก 18 แห่งในปี 1991 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 200 คันในปลายปีนี้ นอกจากนี้บริษัทรถเยอรมนียังหันมาให้ความสนใจกับบริการหลังการขายมากขึ้นอีกด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us