บริษัทแม่ของเทสโก้ โลตัส ไม่หวั่นปัจจัยลบกระหน่ำไทย เน้นให้ความสำคัญกับตลาดค้าปลีกไทยที่โตสวนกระแส ล่าสุดจัดรายการโรลแบ็ค ครั้งที่ 2 ในรอบปี พร้อมปรับราคาครั้งใหญ่รับกระแสน้ำมันพุ่งสูง และสนองนโยบายภาครัฐที่ให้ตรึงราคาสินค้าไว้ คาดปีนี้ช่วยผู้บริโภคเซฟเงินกว่า 335 ล้านบาท เผยรวมยอด 3 ปี โรลแบ็คประหยัดเงินกว่าพันล้านบาท
นายสุนทร อรุณานนท์ชัย ประธานกรรมการเทสโก้ โลตัส เปิดเผยว่า แม้ว่าไทยจะประสบปัญหาเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่มีปัจจัยลบเกิดขึ้นมาก แต่บริษัทแม่ของเทสโก้ โลตัสยังมองว่าตลาดไทยยังเป็นฐานทางธุรกิจที่สำคัญของบริษัท ซึ่งที่ผ่านมามีการลงทุนไปแล้วกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งในแต่ละปีจะมีการขยายสาขากว่า 50 แห่ง
"มองว่าธุรกิจค้าปลีกในไทยยังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องสวนกระแสเศรษฐกิจในปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคยังต้องการสินค้าที่มีความหลากหลาย มีคุณภาพและราคาถูก ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังต่อจากนี้เชื่อว่าการแข่งขันของตลาดยังคงรุนแรงต่อเนื่องและการทำตลาดค้าปลีกสมัยใหม่จะมีความท้าทายในทุกด้าน"
ปัจจุบันต้นทุนของสินค้าแพงขึ้น แต่สินค้าเทสโก้ โลตัสกลับมีราคาลดลง ซึ่งสินค้าโดยรวมของเทสโก้ โลตัสกว่า 80% ของสินค้าทั้งหมดมีราคาต่ำกว่า 2% หากเทียบกับปีที่แล้ว ในส่วนขององค์กรได้มีการบริหารและปรับลดต้นทุนทุกอย่าง เช่น การนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในธุรกิจ เป็นต้น
ด้านนายดาเรน แบล็คเฮิร์ท ผู้อำนวยการ ฝ่ายพาณิชย์ เทสโก้ โลตัส เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ทั้งราคาน้ำมันแพงขึ้นต่อเนื่อง ภาวะเงินเฟ้อ และค่าครองชีพเพิ่มขึ้น ฯลฯ ส่งผลให้เทสโก้ โลตัสจัดรายการโรลแบ็คหรือการลดราคาสินค้าให้ต่ำลงกว่าปกติเร็วขึ้น จากเดิมมีแผนจะจัดในเดือนกันยายนมาจัดในช่วงเวลานี้แทน เพื่อต้องการช่วยเหลือผู้บริโภคที่ต้องแบกรับภาระการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งรายการนี้สามารถช่วยให้ลูกค้าประหยัดเงินจนถึงสิ้นปีนี้ได้กว่า 335 ล้านบาท รวมถึงแคมเปญดังกล่าวยังเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลในการช่วยตรึงราคาสินค้าอีกด้วย
สินค้าที่เข้าร่วมรายการโรลแบ็คครั้งนี้มี 27 ประเภท 1,020 รายการ โดยสินค้าจะมีการปรับลดราคาลงประมาณ 7% โดยสินค้าส่วนใหญ่ในปีนี้จะเน้นผลิตภัณฑ์เฮาส์แบรนด์ของเทสโก้ โลตัสเองเป็นหลัก เนื่องจากไม่ต้องต่อรองรายละเอียดต่างๆ กับซัปพลายเชนและสามารถปรับลดราคาได้มากกว่าสินค้าอื่นๆประมาณ 7.4%
รายการโรลแบ็คเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 2546 มีรายการสินค้าเข้าร่วม 1,068 รายการ และสามารถช่วยให้ลูกค้าประหยัดเงินได้ 313.76 ล้านบาท โรลแบ็คปี 2547 มีสินค้า 1,400 รายการ ช่วยประหยัด 324.90 ล้านบาท ขณะที่โรลแบ็คปีนี้มีการจัดขึ้น 2 ครั้งเพื่อช่วยผู้บริโภค ครั้งแรกเริ่มไปเมื่อ 28 ก.พ. 48 โดยได้เพิ่มกลุ่มอาหารสด 148 รายการ และมีราคาลดลงกว่า 35% รวมถึงยังได้เพิ่มผัก, ผลไม้สด, เนื้อไก่และหมูเข้าไปเมื่อช่วงต้นเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งตรงนี้ช่วยให้ลูกค้าประหยัดถึง 192 ล้าน บาท ทั้งนี้ยอดเงินรวม 3 ปีที่จัดรายการนี้สามารถช่วยลูกค้าประหยัดได้กว่า 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้การที่เทสโก้ โลตัสสามารถปรับราคาสินค้าลงได้มีหลายปัจจัย อาทิ มีโครงการประหยัดพลังงานที่ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 230 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผลของโครงการนี้สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 146 ล้านบาทต่อปี โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้มีการลงทุนเพิ่มอีก 140 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปี คาดว่าจะช่วยประหยัดพลังงานได้อีก 46 ล้านบาทต่อปี รวมถึงการมีระบบลอจิสติกส์และซัปพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น
"ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง เชื่อว่าธุรกิจยังไปได้ด้วยดี โดยลูกค้าจะมาหาเรามากขึ้น เพราะสินค้าของเทสโก้ โลตัสมีราคาถูกกว่าสินค้าทั่วไป 10-20% เนื่องจากเราไม่มีค่ามาร์เกตติ้ง" นายดาเรนกล่าว
ด้านแผนการขยายสาขาในปีนี้มีแผนเปิด 50 แห่งในทุกรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันเทสโก้ โลตัสมีรูปแบบร้าน 4 แบบ ได้แก่ ไฮเปอร์มาร์เกต ขนาดพื้นที่ 9,000-30,000 ตร.ม.มี 51 สาขา, รูปแบบคุ้มค่า ขนาดพื้นที่ประมาณ 3,000 ตร.ม. มี 12 สาขา, รูปแบบเอ็กซ์เพรส ขนาดพื้นที่ 320-350 ตร.ม. มี 67 สาขา และตลาดโลตัส มี 4 แห่ง ขนาดพื้นที่ 700-1,500 ตร.ม.
|