Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน1 กรกฎาคม 2548
กสิกรไทยนำร่องขึ้นดอกกู้             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
โฮมเพจ ธนาคารกสิกรไทย

   
search resources

ธนาคารกสิกรไทย, บมจ.
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
Interest Rate




แบงก์กสิกรไทยสุดอั้นนำร่องปรับดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก 0.25% เพื่อสอดคล้องกับภาวะตลาดที่อยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น อีกทั้งดอกเบี้ยเงินกู้ของแบงก์ต่ำกว่าระบบอยู่แล้ว เมื่อปรับขึ้นจึงอยู่ในระดับเดียวกับแบงก์ใหม่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ด้านแบงก์กรุงศรีอยุธยายังยืนอัตราเดิมขอดูผลกระทบระยะหนึ่ง คาดแบงก์พาณิชย์อื่นๆ ขยับตาม

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ 0.25% ให้สอดคล้องกับภาวะตลาด โดยปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้อยู่ในระดับเดียวกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งอื่น ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีเอ็มแอลอาร์ (MLR) จาก 5.50% ปรับเป็น 5.75% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เบิกเกินบัญชี (MOR) จาก 5.75% ปรับขึ้นเป็น 6.0% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อยชั้นดี (MRR) จาก 6.0% เป็น 6.25% ทั้งนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2548 เป็นต้นไป

สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR, MOR และ MRR ของธนาคารอยู่ในระดับต่ำที่สุดในระบบธนาคารพาณิชย์ มาตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2546 ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะตลาด ธนาคารจึงได้พิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้มาอยู่ในระดับเดียวกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งอื่น

"ที่ผ่านมาแบงก์กสิกรไทยนับเป็นผู้นำในการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในตลาดการเงินของไทยเพื่อส่งเสริมการใช้สินเชื่อมาโดยตลอด ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพคล่องและภาวะตลาด ที่มีแนวโน้มของดอกเบี้ยขาขึ้น"

นอกจากนี้ธนาคารได้พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 24 เดือน จาก 1.25% เป็น 1.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 36 เดือน จาก 1.50% เป็น 2.0% ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะยาวครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สินภายในธนาคารมีความเหมาะสม รวมทั้งให้มีอัตราที่สอดคล้องกับแนวโน้มภาวะตลาดการเงินในระยะยาว นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ฝากเงินในการเลือกฝากเงินในระยะยาว เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยยังมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่พอสมควร ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งระดมเงินฝากแต่ประการใด

สำหรับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ยังไม่มีการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก โดยจะขอรอพิจารณาผลกระทบ ของการปรับดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ก่อน โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ณ วันที่ 30 พ.ค. เงินฝากออมทรัพย์อยู่ที่ระดับ 0.75% ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน อยู่ที่ระดับ 1% เงินฝากประจำ 6 เดือนและ 12 เดือนอยู่ที่ระดับ 1.25% เงินฝากประจำ 24 เดือนอยู่ที่ระดับ 1.75% เงินฝากประจำ 36 เดือนอยู่ที่ระดับ 2.25%

ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ธนาคารยังไม่ได้มีการปรับขึ้นเลยตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 2546 โดยดอกเบี้ยเงินกู้เอ็มแอลอาร์อยู่ที่ระดับ 5.75% เงินกู้เอ็มโออาร์ อยู่ที่ระดับ 6% และดอกเบี้ยเงินกู้เอ็มอาร์อาร์อยู่ที่ระดับ 6.25% ซึ่งการจะปรับดอกเบี้ยนั้น ธนาคารจะพิจารณาตามสภาพคล่องและการบริหารเงิน รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ด้วย

ก่อนหน้านี้บล.ทรีนีตี้ คาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสิ้นปีอยู่ในระดับ 3.75-4% หลังจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลดลง ขณะเดียวกันคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย R/P 14 วัน ในทิศทางเดียวกัน โดยในเบื้องต้นประเมินว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 2 ครั้ง ส่งผลให้สิ้นปีอัตราดอกเบี้ยน่าจะอยู่ในระดับ 3-3.25% จาก 2.5% ในปัจจุบัน

มองว่าอัตราดอกเบี้ยเฟดจะปรับขึ้นไม่รุนแรงเช่นที่ผ่านมา เพราะสหรัฐฯ มีปัจจัยลบค่อนข้างมากทำให้เศรษฐกิจไม่เติบโตเท่าที่ควร โดยคาดว่าสิ้นปีจะมีการปรับขึ้นไม่เกิน 4% จาก 3% ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้แบงก์ชาติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดช่องว่างในระดับประมาณ 3.25%

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย R/P 14 วัน จะสะท้อนให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมองว่าธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดเล็กจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มีสภาพคล่องในระดับสูง โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มีเงินฝากล้นระบบถึงประมาณ 10% และยังคาดว่าจะทำให้ดอกเบี้ยระยะยาวปรับขึ้นก่อนอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us