Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2543








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2543
ฟังดนตรีแห่งกรุงเวียนนา (ตอนที่ 3)             
โดย อเนกระรัว
 

   
related stories

ฟังดนตรีแห่งกรุงเวียนนา ตอนที่ 1
ฟังดนตรีแห่งกรุงเวียนนา (ตอนที่ 2)
ฟังดนตรีแห่งกรุงเวียนนา (ตอนที่ 4)
ฟังดนตรีแห่งกรุงเวียนนา ตอนที่ 5 (ตอนจบ)




คีตอัจฉริยะ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีตะวันตก (ดนตรีคลาสสิก) หลายคนคิดเช่นนั้น 35 ปีของ ชีวิตหนึ่งกับผลงานดนตรีกว่า 600 ชิ้นฝากไว้ให้แก่ชาวโลก นี่ก็กว่า 200 ปีมาแล้ว (208 ปีกับอีก 6 เดือนโดยประมาณ) ที่ร่างไร้วิญญาณของเขาหลับอยู่ ที่ใด ที่หนึ่งในสุสานคนอนาถา ที่ Saint Marx ชานกรุงเวียนนา และ ที่ใด ที่หนึ่ง ที่ว่านี้จน ถึงปัจจุบันก็ยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน

โมสาร์ทฉายแววอัจฉริยะตั้งแต่อายุยังน้อย ตอน 4 ขวบ เริ่มเรียนฮาร์พ ซิคอร์ด ห้าขวบแต่งเพลงสั้นๆ ได้ เริ่มตระเวนแสดงดนตรีตั้งแต่ 6 ขวบ แต่งซิมโฟนีชิ้นแรกได้ก่อนฉลองวันเกิดครบ 9 ขวบ ประพันธ์เพลงสรรเสริญพระเจ้าด้วยวงออร์เคสตร้าขนาดใหญ่ (Oratorio) ชิ้นแรก เมื่ออายุ 11 ขวบ ประพันธ์โอเปร่าชิ้นแรกเมื่ออายุ 12 ขวบ

โวลฟ์กัง อมาเดอุส โมสาร์ท เกิดเมื่อ 27 มกราคม ปี ค.ศ. 1756 ที่เมืองซาลซ์บวร์ก (เมืองเล็กๆ ใกล้ชายแดนประเทศเยอรมนี ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ของประเทศออสเตรีย) บิดามีนามว่า ลีโอโปลด์ มารดานามว่า แอนนา มาเรีย เพิร์ท มีพี่สาวนามเหมือนแม่ว่า แอนนา มาเรีย แต่มีชื่อเรียกกันว่า แนนเนิร์ล (Nannerl)

โมสาร์ทประสบความสำเร็จอย่างสูงในวัยเยาว์ ในฐานะเด็กอัจฉริยะผู้สามารถเล่นฮาร์พซิคอร์ด ไวโอลิน และประพันธ์เพลงได้ไม่แพ้ผู้ใหญ่ ( ที่เป็นนักดนตรี) ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยรุ่น เขาได้เดินทางไปแสดงดนตรีร่วมกับ พี่สาว แนนเนิร์ล และพ่อในหลายประเทศ ทั้งออสเตรีย เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ และอิตาลี ชื่อเสียงในฐานะเด็ก นักดนตรีอัจฉริยะขจรขจายไปทั่วยุโรป ครอบครัวโมสาร์ทได้รับการสนับสนุนจากอาร์คบิชอปแห่งซาลซ์บวร์ก ซึ่งพ่อของเขาทำงานอยู่ด้วยเป็นอย่างดี พอเข้า สู่วัยหนุ่มชื่อเสียงเขาลดถอยลงเพราะ ผู้คนทั่วไปติดภาพเด็กอัจฉริยะมากกว่าสาระทางดนตรี เขาประสบปัญหากับอาร์คบิชอปแห่งซาลซ์บวร์กคนใหม่ผู้ที่ไม่สบอารมณ์กับนิสัยดื้อ และไม่อยู่ในโอวาทของโมสาร์ท

โมสาร์ทรู้ว่าอนาคตคงไม่สดใสแน่ ที่ซาลซ์บวร์กจึงพยายามเดินทางไป ที่ต่างๆ ทั้งในเยอรมนี และฝรั่งเศสด้วยต้องการจะหางานประจำทางด้านดนตรีทำ เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ต้องซมซานกลับมาซาลซ์บวร์กในฐานะนักดนตรีตกงาน ที่อกหัก และสูญเสียแม่ ต้องทนทำงานกับอาร์ค บิชอปในตำแหน่งนักออร์แกนเงินเดือนถูกๆ และแต่งเพลง เพื่อใช้ในพิธีทางศาสนา อยู่ได้ไม่นานก็ถูกไล่ออกเพราะไปทะเลาะกับอาร์คบิชอป โมสาร์ทเดินทางไปหวังน้ำบ่อหน้าที่กรุงเวียนนาด้วยการเป็นนักดนตรี และนักประพันธ์เพลงอิสระ

ชีวิต ที่เวียนนาเริ่มต้นด้วยดี ได้แต่งงานกับคอนสแตนส์ เวเบอร์ น้องสาวของหญิง ที่เคยหักอกเขา โมสาร์ทได้รับงานประพันธ์ดนตรีหลายงานโดยเฉพาะงานโอเปร่า ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีลูกศิษย์ลูกหาผู้มีอันจะกินมากมาย และได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดิโยเซฟ ที่สองแห่งออสเตรีย ทำให้มีรายได้ให้ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย อย่างไรก็ดีเขาก็ยังไม่สามารถ หางานประจำทำได้ เขามักจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ดูสวยหรูในราชสำนัก แต่ก็เป็นตำแหน่งลอยๆ ที่ไม่มีเงินเดือน ขณะนั้น โมสาร์ทมีพัฒนาการทางดนตรี ที่สูงล้ำลึกซึ้ง และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ที่แหวกแนว ซึ่งบุคคล ที่จะเข้าถึง และเข้าใจผลงานของเขาน่าจะเป็นปัญญาชนในราชสำนัก แต่ความเป็นจริงคือ บุคคลเหล่านั้น ก็ยังไม่สามารถรับความคิด ที่ก้าวหน้าของโมสาร์ทได้ (หรือเป็นอคติ ที่เกิดจากความ ไม่พอใจอุปนิสัยส่วนตัวหรือไม่ก็กลัวความเป็นอัจฉริยะของโมสาร์ท) ผลงานของเขาถูกมองเป็นงาน ที่ฟังยาก รับยาก และได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ

พอกระแสสังคมความนิยมในตัวโมสาร์ทเริ่มลดลง (ดังเช่นสังคม ที่มีแต่กระแส แต่ขาดสาระ มีให้เห็นทั่วไปไม่ไกลตัว) ผู้คนเริ่มละทิ้ง ชื่อเสียงเสื่อมถอย ลูกศิษย์ลูกหาหายตัว งานเพลงก็น้อยลง และความ ที่โมสาร์ทเป็นศิลปินบริสุทธิ์ ( ที่ไม่ได้มีหัวเป็นนักธุรกิจหรือมี การจัดการด้านการเงินที่ดีเหมือน ที่เขาจัดการกับโน้ตเพลง) บั้นปลายชีวิตของเขา ซึ่งไม่ควรจะสั้นขนาดนี้ เต็มไปด้วยหนี้สิน และความอัตคัดขัดสน ครอบครัว ต้องลำบากมากด้วยโรคภัย ในที่สุดเขาก็สิ้นชีวิตลงด้วยโรคไตวาย เมื่อปลายปี ค.ศ. 1791 มีอายุรวม 35 ปี ตอน ที่โมสาร์ทสิ้นชีวิต ภรรยากำลังป่วย ไม่มี เงินทำศพ ได้รับเงินบริจาคจากแฟนเพลงแต่ก็เป็นเพียงค่าทำศพแบบอนาถา

มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งชื่อ Amadeus ของผู้กำกับ มิลอส ฟอร์แมน (Milos Forman) ซึ่งเป็นการนำบทละครเวทีของนักเขียนบทละครชาวอังกฤษ ปีเตอร์ เชฟเฟอร์ (Peter Schaffer) นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เล่าถึงมุมมองของแอนโตนิโอ ซาไลรี (Antonio Salieri) นักดนตรีรุ่นพี่ผู้เป็น คู่อริกับโมสาร์ท แม้เรื่องราวในภาพยนตร์ อาจไม่ได้เ ที่ยงตรงด้านประวัติศาสตร์เพราะเป็นการสร้างจากการตีความในมุมหนึ่ง ( และไอเดียของเชฟเฟอร์) ร่วมกับการเสริมแต่งเรื่องราวให้เป็นโศกนาฏกรรม แต่จากภาพยนตร์เรื่องนี้ท่านจะได้พบเห็นตัวตนโดยประมาณ และวิถีชีวิตผู้คนที่เกี่ยวข้อง และของตัวโมสาร์ทเอง น่าเสาะหามาชมกัน

โมสาร์ทเป็นคนรักสนุกแต่ภายในครุ่นคิด สติปัญญาระดับอัจฉริยะ มีความจำดีเลิศ ผลงานส่วนใหญ่ยกเว้นช่วงท้ายของชีวิต แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถประพันธ์ดนตรีได้ลื่นไหลอย่างไม่น่ามีใคร (มนุษย์) ทำได้ จากการตรวจ สอบต้นฉบับดนตรี ที่เขาเขียนพบว่าเกือบไม่มีการแก้ไขเลย (เขียนด้วยปากกา) ว่ากันว่าเขาสามารถเขียนเพลงไป และเล่ามุขตลกลามกไปได้พร้อมๆ กัน เบื้องหลังก็คือ ดนตรีของเขาได้ถูกประพันธ์อย่างละเอียดแล้วในหัวสมอง สิ่งที่เขาแสดงต่อผู้คนคือ เขียนมันออกมาบนกระดาษ ถ้าท่านเคยฟังดนตรีวงใหญ่ของโมสาร์ท นักดนตรีหลายสิบคน เพลงยาวหลายสิบนาที โน้ตเพลง จะต้องวุ่นวายขนาดไหน

การที่โมสาร์ทได้เดินทางไปประเทศต่างๆ ทำให้เขาได้รับอิทธิพลดนตรีจากหลายสำนัก หลายความคิด หลายรสนิยม เขาเป็นคนเปิดกว้าง และสามารถเรียนรู้ได้เร็วมาก ผลงานของเขา จึงมีความหลากหลาย ผลงานของโมสาร์ทพัฒนาถึงขีดสุดหลังจากได้รับอิทธิพลจากงานของ Joseph Haydn คีตกวีร่วมสมัยรุ่นพ่อ (ผมเล่าไว้ในตอน ที่แล้ว) และ Johann Sebastian Bach ผลงานเพลงของโมสาร์ท ที่น่าเสาะหามาฟังก็ ได้แก่ A little Night Music เป็น ผลงานยอดนิยมของโมสาร์ท เป็นดนตรีประกอบบรรยากาศ ที่ฟังง่ายไพเราะทุกท่อน (5 ท่อน) ซิมโฟนี 3 ชิ้น สุดท้าย ซึ่งได้แก่ ซิมโฟนีหมายเลข 39, 40 และ 41 ซึ่งโมสาร์ทใช้เวลาประพันธ์เพียง 6 สัปดาห์ (ทั้ง 3 ชิ้น) ดนตรีจากอุปรากรเรื่อง The Marriage of Figaro, Don Giovani และ The Magic Flute ผลงาน Piano Concerto No.21 in C Major, Piano Concerto No.23 in A Major ผลงาน Quin- tet in A Major for Clarinet and Strings ผลงานเพลง ประสานเสียงในโบสถ์ Mass in C Minor "The Great" เป็นต้น

ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านเกิดโมสาร์ท ที่ ซาลซ์บวร์ก เยี่ยมห้องกระจก ที่โมสาร์ทได้แสดงดนตรีครั้งแรกเมื่ออายุ 6 ขวบ ที่พระราชวัง Schonbrunn ในกรุงเวียนนา โบสถ์ St. Stephan ที่โมสาร์ทเข้าพิธีแต่งงาน อนุสาวรีย์โมสาร์ท ทั้ง ที่เมืองซาลซ์บวร์ก และกรุงเวียนนา ได้ชิมช็อกโกแลตตราโมสาร์ท ได้ซื้อสุราขวดเล็ก ที่มีรูปโมสาร์ทมาเป็นของฝากคนเยี่ยมชมสถาบันดนตรี Academy Mozarteum ที่ใช้ในการเรียนการสอนดนตรีของโมสาร์ทอย่างเอาจริงเอาจังโดยเฉพาะ ผมมีโน้ตเพลง ซิมโฟนีหมายเลข 35 ถึง 41 โน้ตเพลง Quintet หลายบท และ Piano Concerto หลายบท ซีดีเพลง และแผ่นเสียงจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งส่วนเล็กๆ ในการสัมผัสความเป็นโมสาร์ท (ทั้งมี และไม่มีสาระ) และผู้คนอีกจำนวนมาก ที่ได้ลงทุนแสดงความคารวะ และตอบแทนทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพียงแต่โมสาร์ทไม่มีโอกาสรับรู้สิ่งเหล่านี้ สวัสดีครับ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us