Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2539
ช่วยด้วย!! ที่นี่ขาดแคลนขยะ             
 





ปัญหาปวดขมองของเมืองเบียร์ตอนนี้เห็นทีจะหนีไม่พ้นการขาดแคลนขยะเพราะหลังจากมีการคาดการณ์กันมาหลายทศวรรษว่าไม่ช้าไม่นาน ขยะจะกองท่วมหัวท่วมหูคนเยอรมัน แต่มาถึงวันนี้ปรากฎว่ารัฐบาลต้องอิมพอร์ตขยะจากแดนไกลถึงบราซิล เนื่องจากโรงงานแปรรูปขยะที่ตั้งขึ้นทั่วประเทศเกิดอาการตกงานกันเป็นแถว ขณะที่โครงการถมที่ดินที่วางเอาไว้ก็ต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด

จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเมื่อไม่นานมานี้พบว่า ปริมาณขยะในประเทศลดจำนวนลงจนน่าตกใจ โดยในไตรมาสแรกของทศวรรษนี้ ขยะจากทุกแหล่งลดลง 16%

เหลือเพียง 252 ล้านตัน ขยะตามบ้านที่เคยมีถึง 43.3 ล้านตันตอนนี้เหลือแค่ครึ่งเท่านั้น

อย่างนี้ต้องเรียกว่า ฝันหวานของนักนิเวศวิทยากลายมาเป็นฝันสยองของเศรษฐศาสตร์ระดับจุลภาค นับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980 มีการโหมโปรโมตแคมเปญเรียกร้องให้ชาวเยอรมันลดแยกประเภทและรีไซเคิลขยะ ชนิดที่ว่าไม่มีการหยุดพักโฆษณากันเลย ขณะเดียวกัน ทางภาคอุตสาหกรรมก็ริเริ่มแยกประเภทขยะต่างๆออกจากกันและกัน พลาสติก กระดาษ เศษแก้วและวัตถุออกมารีไซเคิล

ขยะที่ไม่สามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้อีกถูกนำไปจำกัดในเตาหลอมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความร้อนที่ได้ถูกนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าอีกทอด ผลลัพธ์ก็คือ ขยะทั้งจากครัวเรือนและโรงงานอุตสาหกรรมกลายเป็นที่ต้องการอย่างหนัก จนเมื่อถึงจุดหนึ่งก็เกิดสภาพขาดแคลนขยะขึ้นมา ส่งผลให้ต้นทุนของขยะถีบตัวสูงขึ้นทันที

ประเทศเพื่อนบ้านของเยอรมนีที่มีจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อมแรงกล้าล้วนแล้วแต่ประสบปัญหานี้กันทั้งนั้น แต่ไม่มีประเทศไหนที่ขาดแคลนขยะรุนแรงเท่าเมืองเบียร์ ถึงขนาดที่เรียกว่าเป็นปัญหาระดับชาติก็ไม่ผิด เพราะเมื่อไม่นานมานี้ สภาเมืองดุสเซลดอร์ฟได้สั่งให้โรงงานกระดาษในท้องถิ่นหยุดส่งกากการผลิตไปให้โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในเบลเยียม (เพื่อแลกกับเงิน 162 ดอลลาร์ต่อ 1 ตัน) เป็นการชั่วคราว แต่ว่าให้ขนมาให้โรงงานรีไซเคิลขยะของเมืองแทน (เสนอราคาน่าสนใจกว่าคือตันละ 324 ดอลลาร์

ร้อนถึงบริษัทปูนเบลเยียมต้องวิ่งเต้นขอความยุติธรรมจากสหภาพยุโรป (อียู) โดยฟ้องว่าการกระทำของดุสเซลดอร์ฟเป็นการละเมิดกฎตลาดเดียวของอียู ซึ่งจนถึงวันนี้ คดีดังกล่าวยังคงอยู่ในดุลพินิจของศาล

ขณะเดียวกัน วิกฤติการณ์ขาดแคลนขยะก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้นในเมืองเบียร์ ส่วนหนึ่งนั้นมาจากโรคกลัวขยะในทศวรรษที่แล้วที่ส่งผลให้รัฐบาลท้องถิ่นเร่งมือสร้างโรงงานกำจัดขยะขึ้นมา แต่วันนี้เมื่อเทบจะไม่มีขยะให้กำจัด รัฐบาลจึงเหมือนถูกกดดันให้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้โรงงานขยะยังเดินเครื่องอยู่ได้ ค่าที่เอาเงินภาษีของประชาชนไปทุ่มให้โรงงานที่ว่าไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ตัวอย่างเช่นโรงงานขยะที่ใช้เทคโนโลยีนำสมัยตลอดกาลในออกซ์เบิร์กนั้นทุ่มทุนสร้างกันถึง 520 ล้านดอลลาร์ ว่ากันว่าขณะนี้รัฐบาลเยอรมนีต้องกันเงินภาษีไปสร้างและจ่ายค่าต้นทุนตายตัวของโรงงานขยะทั่วประเทศเพิ่มขึ้นถึง 84%

จนแม้แต่รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของรัฐนอร์ธ ไรน์เวสต์ฟาเลีย ยังออกปากว่า “ตลาดขยะสับสนอลหม่านเหลือเกินแล้วตอนนี้”

ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้ารัฐบาลเยอรมนีมาเห็นสภาพขยะล้นเมืองในบ้านเราจะหัวเราะหรือร้องไห้กันแน่   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us