เสียงร่ำลือว่า ซัง ชิ-หลีมีอำนาจมหัศจรรย์ เจ้าตัวเองอวดสรรพคุณว่าสามารถหายตัวไปปรากฎที่ใดก็ได้ในโลกนี้ ภาพซังลอยตัวอยู่บนทางช้างเผือกมีราคาสูงถึง 2,500 ดอลลาร์ในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาผู้ใคร่ได้ไปบูชาที่บ้าน แน่นอนผู้วิเศษอย่างซังย่อมไม่ปรารถนาจะใช้อำนาจมหัศจรรย์พร่ำเพรื่อแม้แต่เมื่อถูกอดีตสมาชิกสมาคมซัง ชิ-หลีชี้หน้าว่าโกงเงินสาวกไปกว่า 100 ล้านดอลลาร์ก็ตาม

“ผมไม่ใช่จำอวดหรือว่านักมายากลอย่างเดวิด คอปเปอร์ฟิลด์” เขาตะคอกใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนจะถูกล็อกตัวพาออกมาจากแมนชั่นหรูเลิศแต่สองชั่วโมงหลังจากนั้น ซังก็รับสารภาพหมดเปลือกว่าเรื่องทั้งหมดโกหกทั้งเพ

ซังไม่ใช่ผู้วิเศษกำมะลอเพียงคนเดียวที่กำลังถูกทางการไต้หวันกวาดล้าง เมื่อไม่นานมานี้ ฮวง ชิ-เฉียง ร่างทรงที่อ้างว่าเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด ถูกสาวกเก่าแจ้งจับในข้อหาต้มตุ๋นเงินไปนับล้านดอลลาร์ โดยหลอกลูกศิษย์ทั้งหลายให้บริจาคเงินเพื่อนำไปซื้อ “ที่ดินศักดิ์สิทธิ์” ในบีไลซ์ เพื่อใช้เป็นสถานที่ล้างบาปที่ก่อไว้ในอดีต เรื่องราวกลับตาลปัตรเมื่อผู้ที่มีโอกาสไปท่องเที่ยวในอเมริกากลางคาบข่าวร้ายมาแจ้งให้สาวกของฮวงทราบว่า ไม่พบเห็นที่ดินศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าแม้แต่ตารางวาเดียว

ถัดมาอีกเรื่องหนึ่งซึ่งแดงโร่ขึ้นมาเมื่อสาวกของพระนิกายเซ็น เหมียว เทียน ป่าวประกาศทวงเงินค่า “เคหาสน์บัวหลวง” ในวัดของพระเหมียว สำหรับบรรจุอัฐบรรพบุรุษของพวกเขาคืน เพราะหลังจากจ่ายเงินกันไปคนละ 5,500 ดอลลาร์ทุกอย่างก็เงียบเชียบยิ่งกว่าเป่าสาก

ข่าวฉาวโฉ่เหล่านี้สั่นคลอนศรัทธาของชาวไต้หวันพอสมควร แม้ประเทศนี้จะเป็นแหล่งรวมของศาสนาต่างๆรวมไปถึงลัทธิความเชื่อในเรื่องพลังลึกลับเหนือธรรมชาติซึ่งเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับวัฒนธรรมจีน จากการสำรวจของรัฐบาลไต้หวันพบว่า มีองค์กรทางศาสนาอยู่กว่า 11,000 สำนักเป็นแหล่งรวมของพระผู้วิเศษ คนทรงและพ่อมดหมอผีประมาณ 32,000 ราย

แม้แต่ผู้ที่เฉยชาที่สุดก็ยังอดกลั้นไว้ไม่อยู่ ปรากฏว่าจู เหม่ย-เฝง สมาชิกสภาเมืองหญิงเหล็กของไทเป รับอาสาเป็นหัวหอกออกมาฟ้องร้องซังและเหมียว หลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้เดือดร้อนกว่า 50 ราย “คนพวกนี้หลอกลวงประชาชนและไม่สมควรปล่อยให้ลอยนวลอยู่ต่อไป”

เรื่องราวฉาวโฉ่เหล่านี้ยังส่งผลให้นักการเมืองไต้หวันที่ชอบตบตีกันในสภาเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หนึ่งในนั้นคือ หม่า อี้-เฉิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการพรรคก๊กมินตั๋งที่ตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อคารมฮวงบริจาคเงินซื้อที่ไถ่บาปในบีไลซ์กับเขาด้วย มิหนำซ้ำนิตยสารยอดฮิตฉบับหนึ่งยังขุดคุ้ยเรื่องราวของบรรดานักการเมืองอาวุโสระดับแกนนำพรรคที่หลงงมงายในลัทธิความเชื่อต่างๆอาทิ ผู้ว่าการเจมส์ สุ่งแห่งพรรคก๊กมินตั๋งเช่นเดิม ที่มักจะมีที่ปรึกษาด้านไสยศาสตร์ทุกครั้งที่มีงานใหญ่ๆ

และหลังจากที่ซังสารภาพความผิด ซู หยี หัวหน้าสำนักงานข้อมูลของรัฐ ก็ออกมาเปิดใจว่าเขาเคยเป็นลูกศิษย์ของเหมียว เทียนมาก่อน แต่ยังปฏิเสธเสียงแข็งว่าเขาไม่เคยรับเงินบริจาคจากเหมียวเทียนเพื่อนำมาใข้ในทางการเมือง

ที่น่าตกใจก็คือ กลุ่มลัทธิความเชื่อหลายกลุ่มมีสายสัมพันธ์กับแก๊งวายร้าย ตัวอย่างเช่นซังนั้น ตำรวจสืบพบว่ามีนอกมีในกับแก๊งสี่ทะเล ส่วนเหมียวเทียนก็สารภาพว่าเขาจ่ายเงินให้กลุ่มคนร้ายไม่ทราบชื่อที่มารีดไถสำนักของเขา

จนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยไต้หวันต้องออกมาปลุกปลอบประชาชนโดยการเรียกตัวหัวหน้าสำนักต่างๆมาระดมสมองหาทางแก้ปัญหา “ศาสนาปลอม” ซึ่งดูเหมือนว่าจะช้าเกินการณ์เพราะถึงตอนนี้ ชาวไต้หวันเริ่มหูตาสว่างขึ้น ขณะที่หลายวัดบ่นระงมว่าผู้มาทำบุญลดลงฮวบฮาบ

และไม่ว่าสำนักเหล่านี้จะหาวิธีมาบูรณะศรัทธาของศาสนิกชนอย่างไร แต่ที่แน่ๆอย่าเรี่ยไรเงินซื้อที่ในบีไลซ์เหมือนฮวงแล้วกัน