Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2539
เที่ยวนิวยอร์ก 51 นาทีกับหนัง 3 มิติ ACROSS THE SEA OF TIME             
 





โทมัส (PETER REZNIK) เด็กน้อยวัย 11 ปีชาวรัสเซีย ออกจากบ้านเกิดมายังอเมริกาด้วยเหตุผลที่พิเศษสุดเพราะเมื่อกว่า 100 ปีก่อนบรรพบุรุษของโทมัส ชื่อ ลี โอโปล์ด มินตัน ได้อพยพมาใช้ชีวิตใหม่ในอเมริกา

ก่อนที่จะมาเป็นช่างถ่ายภาพสามมิติ ลีโอโปล์ด ได้ส่งรูปสเตริโอการ์ดขาวดำของนิวยอร์กบ้านใหม่ของเขาและรูปครอบครัวกลับไปยังรัสเซีย ด้วยความตั้งใจที่จะให้คนที่บ้านเกิดมาใช้ชีวิตร่วมกันที่อเมริกา

ภายใต้รูปและจดหมายของลีโอโปล์ด โทมัสจึงเดินทางมานิวยอร์กเพื่อหาญาติที่สืบทอดและใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา

โทมัสโดยสารเรือบรรทุกสินค้าจากรัสเซียเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ก่อนจะกระโดดลงจากเรือแล้วว่ายน้ำไปยังเอลลิส ไอส์แลนด์ ที่ที่ผู้อพยพชอบไปและก็เป็นที่บรรพบุรุษของเขาพูดไว้ในจดหมาย

เริ่มต้นจากเอลลิส ไอส์แลนด์ โทมัสขึ้นเรือไปนิวยอร์กซิตี เพื่อเริ่มต้นการตามหาร่องรอยของบรรบุรุษและด้วยความกระปรี้กระเปร่าในการตามหา ความเป็นเด็กและการมองโลกในแง่ดี ทำให้โทมัสหลงเสน่ห์นิวยอร์กและเดินทางด้วยความสุขใจจากมุมหนึ่งของเมืองไปยังมุมต่างๆจนทั่ว

ไม่ว่าจะเป็นวอลล์ สตรีทไชน่าทาวน์ ลิตเติ้ลอิตาลี รถไฟใต้ดิน ตึกเอ็มไพร์สเตท ท่าเดินเรือทะเลเซาท์สตรีท โคนี ไอส์แลนด์ เซ็นทรัลพาร์ค บรอดเวย์รวมทั้งการแวบเข้าไปทางด้านหลังโรงละคร เพื่อดูละครเพลง CRAZY FOR YOU โทมัสสนุกสนานกับการเที่ยวชมเมืองและสิ่งต่างๆและรู้สึกว่ามันงดงามมากกว่าที่เขาได้เห็น จากในสเตริโอการ์ดของบรรพบุรุษที่ได้ดูมาก่อนหน้านั้น

ทุกๆที่ที่โทมัสไป เขาได้พบกับผู้คนที่เป็นมิตรและให้ความช่วยเหลือ ในฐานะที่โทมัสเป็นเด็กและมีการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ ทุกหนทุกแห่งในเมืองกลายเป็นสวนสนุกสำหรับโทมัส ระหว่างที่เขาเดินสำรวจเมืองโทมัสจะได้ยินเสียงเล่าเรื่องจากจดหมายที่เขียนโดยลีโอโปล์ดและจูเลียภรรยาลีโอโปล์ดที่เขียนไปถึงพ่อแม่ของลีโอโปล์ด และจดหมายฉบับสุดท้ายที่เขียนโดยจูเลียซึ่งแจ้งไปยังพ่อแม่ของลีโอโปล์ดว่าลูกชายพวกเขาได้ตายไปแล้ว

จากภาพถ่ายของบ้านเลขที่ 117 อันเป็นที่ที่อยู่ของลีโอโปล์ด ที่โทมัสเฝ้าหามาตลอดระหว่างการตะเวนรอบนิวยอร์ก ก็เกิดปฏิหาริย์ขึ้นเมื่อโทมัสได้มาเจอบ้านเลขที่117 ที่ปกคลุมด้วยไม้เลื้อยและตรงกับที่เห็นและบรรยายไว้ในสเตริโอการ์ด

เมื่อโทมัสเดินเข้าไปใกล้บ้านหลังนั้น เขาได้ยินเสียงเปียโนและมันก็นำเขาไปพบกับจูเลีย มินตันที่อายุล่วงมา 95 ปีกำลังเล่นเปียโนรออยู่ด้านใน เมื่อโทมัสแนะนำตัวเองกับเธอ จูเลียก็ยื่นมือออกมารับโทมัสเข้าสู่อ้อมแขนพร้อมกับการต้อนรับที่อบอุ่น

เรื่องจบลงอย่างมีความสุขเมื่อโทมัสได้พบกับครอบครัวและบ้านที่เขาเฝ้าหา เพื่อมาใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา

ACROSS THE SEA OF TIME เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของโซนี่ พิกเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์และโซนี นิวเทคโนโลยีที่ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปของภาพยนตร์ 3 มิติ

ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นปาฐกถาเกี่ยวกับการเดินทางเป็นประวัติศาสตร์และการผจญภัยของการเดินทางที่ถูกแต่งให้เป็นเรื่องที่เล่าด้วยเทคนิคของภาพยนตร์ 3 มิติโดยมีสตีเฟ่น โลว์เป็นผู้อำนวยการสร้างและกำกับการแสดงและเขียนบทโดยแอนดรูว์ เจลลิส

การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ใช้วิธีนำภาพสเตริโอปิกเก่าที่ยืมมาจากพิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่หาดูได้ยากของนิวยอร์กในอดีตมาเปรียบเทียบเคียงคู่ไปกับภาพในปัจจุบันที่ถ่ายทอดผ่านสายตาของโทมัสซึ่งต้องถือว่าเป็นเด็กที่มีการผจญภัยอย่างกล้าหาญด้วยการเดินท่องไปในนิวยอร์กแต่เพียงลำพัง โดยมีรูปถ่ายเก่าๆเหล่านั้นเป็นไกด์นำทาง โทมัสค้นพบสถานที่ต่างๆด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ไร้เดียงสาและชื่นชมในคุณค่าของดินแดนแห่งนี้ในฐานะที่ตนมาจากแผ่นดินอื่น

ที่สำคัญตัวผู้แสดงเป็นโทมัสเอง ยังมีความคล้ายคลึงกันอีกอย่างในฐานะที่เป็นเด็กที่เพิ่งอพยพจากรัสเซียเข้ามาอยู่ในอเมริกาได้เพียง 2 ปีและมีความไร้เดียงสาและสดใสที่เป็นเสน่ห์ให้ผู้กำกับหลงและเลือกเขาเป็นผู้แสดงนำในเรื่อง จากเด็กที่เข้ามาคัดเลือกหลายสิบคน

ก่อนจะมีการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นนั้น ทางผู้สร้างได้กำหนดคอนเซ็ปต์ไว้ก่อนแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ในนิวยอร์กเพื่อให้ทั้งคนนิวยอร์กเองและนักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆได้ความสนุกและหลงใหลในการเที่ยวชมนิวยอร์ก ภายหลังจากที่โซนี นิวเทคโนโลยีได้ผลิตภาพยนตร์ 3 มิติเรื่องแรกก่อนหน้านี้ในเรื่อง “WING OF COURAGE”

ผลที่ออกมาจึงถือได้ว่าเป็นไปตามคอนเซ็ปต์ที่ตั้งไว้เพราะแม้ผู้ชมจะได้เที่ยวนิวยอร์กด้วยการตามรอยโทมัสไปแล้วยังได้เห็นชีวิตของชาวนิวยอร์กที่แม้ส่วนมากจะออกมาในรูปที่สวยงาม แต่ก็คือชีวิตที่เห็นได้จริงในนิวยอร์ก ซึ่งผู้สร้างก็ไม่ลำเอียงที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ในด้านที่เลวร้ายให้โทมัสได้เจอไว้ด้วยในเรื่อง

เช่น การเสนอชีวิตการผจญภัยของโทมัสว่าไม่ได้ราบรื่นตลอด เพราะขณะหนังที่โทมัสสามารถหาเงินได้จากการให้คนเช่าดูกล้องสเตริโอการ์ดของตน ก็ต้องถูกแก๊งเด็กวัยรุ่นชิงกระเป๋าสัมภาระของเขาไปพร้อมกับทำลายกล้องที่เขาใช้หาเงินเลี้ยงปากท้อง

ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นโทมัสจะสัมผัสแต่สิ่งที่ดีจากคนนิวยอร์กตลอด ไม่ว่าจะเป็นความเอื้อเฟื้อจากคนขายฮ็อทด็อกที่ให้กินฟรีในช่วงที่ยังไม่รู้จักหาเงินใช้ด้วยกล้องสเตริโอการ์ด

หรือการเรียนรู้วิธีการหาเงินเลี้ยงชีพจากการใช้กล้องภายหลังจากที่ได้สังเกตว่าการใช้ชีวิตอยู่ในนิวยอร์ก ถ้าคุณมีสิ่งที่เรียกร้องความสนใจจากคนเดินถนนได้ คุณก็จะมีวิธีหาเงินได้ไม่ยากเช่นเดียวกับโทมัสเหล่านี้เป็นต้น

นอกจากนี้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจากภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสัมผัสได้จากระบบเสียง PSE (PERSONAL SOUND ENVIRONMENT) ที่นำมาใช้ประกอบ ซึ่งถูกบันทึกด้วยระบบไมโครโฟนแบบสองหูที่บันทึกเสียงได้รอบทิศถึง 360 องศาเช่นเดียวกับความสามารถที่หูมนุษย์จะสัมผัสได้ทำให้ระหว่างที่ดูภาพยนตร์คุณจะได้รับฟังเสียงจากรอบทิศทางเหมือนกับคุณอยู่ท่ามกลางสิ่งต่างๆที่เห็นอยู่ ซึ่งโซนีฯต้องการให้คนดูได้รับฟังเสียงการบรรยายที่ดีด้วย

ดังนั้น ระหว่างที่คุณได้ชมภาพยนตร์คุณจะสังเกตความแตกต่างของระดับเสียงที่คุณได้ยิน เมื่อโทมัสพาคุณไปยังสถานที่ต่างๆได้ต่างกันเหมือนรับเสียงจากสถานที่นั้นเช่น เสียงที่ได้ยินถ้าคุณอยู่ในที่สูงอย่างบนตึกเอ็มไพร์สเตทเสียงความอึกทึกของเครื่องจักรเมื่อคุณอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินหรือเสียงอึกทึกของเสียงเพลงจากละครที่คละเคล้าแสงสีในบรอดเวย์ เป็นต้น

ภาพยนตร์สามมิติของโซนี ไอแม็กซ์ เปิดฉายทุกวันที่โรงภาพยนตร์โซนี ไอแม็กซ์บริเวณมุมถนนระหว่างบรอดเวย์กับถนนสายที่ 68 ของนิวยอร์กซิตี เริ่มฉายตั้งแต่เวลา 10.30 น.-22.40 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ตั๋วราคา 9 เหรียญสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่และ 6 เหรียญสหรัฐสำหรับเด็ก

สำหรับผู้มีโอกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยวนิวยอร์กการได้ดูคู่มือจากภาพยนตร์เรื่องนี้ในเวลาเพียง 51 นาทีก่อนที่คุณจะได้สัมผัสนิวยอร์กดินแดนที่มีทั้งเสียงร่ำลือทั้งเรื่องดีและเลวมามากต่อมากนั้น คงจะทำให้คุณเก็บรายละเอียดได้มากกว่าการเที่ยวด้วยตัวเองก็เป็นได้

เพราะอย่างน้อยภาพอดีตของนิวยอร์ก ที่คุณได้เห็นจากในภาพยนตร์ก็หาดูได้ไม่ง่ายหรือดูมีชีวิตชีวาได้มากเท่าที่ถูกแต่งแต้มด้วยระบบเสียงและเทคนิคการเคลื่อนไหวในรูปของภาพยนตร์สามมิติที่คุณจะได้เห็นจาก ACROSS THE SEA OF TIME   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us