|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤศจิกายน 2539
|
|
นักบริหารจำนวนมากทำตัวราวกับตัวเองเป็นเครื่องปั่นไฟ บุคคลเหล่านี้มักจะโดดเด่นในสายตาของคนที่พบเห็น เนื่องจากจะหักโหมทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทว่า ไดนาโมที่มีเลือดมีเนื้อพวกนี้เป็นคนที่น่าสังเวชที่สุดกลุ่มหนึ่งทีเดียว เพราะพอถึงวันหยุดก็ไม่ได้หยุดพักผ่อนสมอง ร่างกายและจิตใจของตัวเองอย่างที่มนุษย์พึงกระทำทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ คนจำพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรในช่วงที่มีเวลาว่าง แถมสมองและกระจิตกระใจก็วิ่งแล่นล่วงหน้าเลยไปถึงวันจันทร์อีกด้วย
คุณเคยสำรวจแล้วพบว่าตัวเองมีอาการอย่างที่เกริ่นมาข้างต้นนี้หรือไม่ หรือในแต่ละวันคุณทำงานถึง 14-16 ชั่วโมงหรือเปล่า จะอย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยยอมรับอยู่แล้วว่าตัวเองมีอาการอย่างที่เรียกว่า “คนบ้างาน” (WORKAHOLIC) นี้กันนักแม้ว่าบริษัทจำนวนมากจะชอบให้บริษัทของตนมีพนักงานประเภทนี้เดินป้วนเปี้ยนกันอยู่เต็มสำนักงานก็ตามที
ทว่า โดยปกติแล้วพวกบ้างานจะอยู่รวมๆกันไม่ค่อยได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากคนประเภทนี้ไม่ค่อยจะมีความอดทนสักเท่าไหร่ เพราะมักจะเข้าใจว่าไม่มีใครทำงานได้ดีเท่ากับที่ตัวเองทำ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ไม่มีใครตั้งใจทำงานได้มากชั่วโมงเท่าอีกด้วย ดังนั้นคนประเภทนี้ก็จะกระโดดออกมาหยิบจับงานทุกอย่างที่ตัวเองต้องการทำเสียเองทั้งหมด
คนบ้างานจะมีอาการที่เรียกว่า “อาการเร่งรีบ” (HURRY SICKNESS) ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะบุคคลจำพวกนี้จะมีปัญหาหากไม่มีอะไรจะทำ เป็นคนที่ต้องเคลื่อนไหวทำนั่นทำนี่ไม่รู้จักหยุดและจะรู้สึกว่าจะต้องแข่งกับคนนั้นคนนี้อยู่ตลอดเวลา รวมทั้งยังพยายามกำหนดตารางงานให้เพิ่มมากขึ้นๆ ในขณะที่ใช้เวลาให้น้อยลงๆอย่างที่ได้รับการกล่าวถึงว่า พวกนี้รู้สึกเป็นสุขที่ได้ทำงานเพราะงานทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีตัวตนมีความสำคัญ แต่เมื่อไหร่ที่ไม่มีอะไรจะทำก็จะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนอากาศธาตุ
คนเหล่านี้มักจะพบกับความล้มเหลวในชีวิตอยู่มากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการหย่าร้าง การเหินห่างจากลูกๆและปัญหาด้านจิตใจ เนื่องจากมัวแต่วิ่งวุ่นทำงานและดันตัวเองขึ้นมาโดดเด่นเหนือใครๆจนลืมหันกลับไปมองครอบครัวและตัวเอง
นอกจากอาการที่กล่าวมาแล้ว พวกบ้างานยังมักจะรู้สึกถึง “ความไม่มั่นคง” อยู่ลึกๆอีกด้วย ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากคนเหล่านี้มักจะคิดว่าตัวเองไม่เป็นที่ยอมรับของใครๆและก็ไม่มีใครรักเขาดังนั้น คนบ้างานจึงเข้าใจเอาว่าสิ่งที่เขา “ทำ” ต่างหากที่จะช่วยให้ใครต่อใครนิยมชมชอบเขาไม่ใช่สิ่งที่เขา “เป็น”
และผลจากที่ต้อง “ทำ ทำและทำ” เพื่อรักษา SELF-ESTEEM ก็เลยทำให้คนบ้างานจำพวกนี้เกิดอาการ “วิตกกังวล” ตามมาติดๆ
และผลสุดท้ายของความที่ชอบฝากชีวิตตัวเองไว้กับความคาดหวังของคนอื่น แทนที่จะเป็นความพึงใจของตัวเองก็คือ คนบ้างานกลายเป็นคนที่ “ควบคุมตัวเองไม่ได้”
ถึงที่สุดแล้ว คนประเภทนี้จะมีความสุขได้อย่างไร คำตอบง่ายๆเดินกลับไปหารากฐานเบื้องต้นของคน นั่นคือเลิกแขวนชีวิตตัวเองไว้กับคนอื่นแล้วเอากระจกมาส่องดูตัวเองว่าวิ่งมาจากตรงไหนและจะวิ่งไปหาอะไร เป้าหมายที่ตั้งไว้มีความเป็นไปได้ในความเป็นจริงหรือเปล่า ถามขีดจำกัดของตัวเองและไตร่ตรองดูว่าสามารถจัดการกับความเครียดและความผิดหวังของตัวเองได้แค่ไหน
คนบ้างานจำเป็นต้องให้ความสำคัญระหว่างบ้าน-งานเท่าๆกัน และปลดตัวเองให้มีเวลาเป็นอิสระและเรียนรู้ที่จะทำตัวตามสบาย เท่านั้นเอง
|
|
|
|
|