Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2539
เพลงบทเศร้า             
 





ตอนที่ “MONSTER” อัลบั้มล่าสุดของ R.E.M. วางแผงเมื่อสองปีก่อน ปรากฎว่าแฟนๆวงร็อกลายครามกลุ่มนี้ มายืนเข้าแถวซื้อจนล้นออกไปนอกร้านแผ่นเสียงหลายแห่ง คนในวงการเพลงต่างตั้งความหวังวิไลว่าอัลบั้มใหม่ล่าสุดซิงๆของ R.E.M. ที่มีชื่อว่า “ADVENTURES IN HI-FI” ที่ออกวางแผงเมื่อต้นเดือนที่แล้ว คงจะเป็นการผจญภัยบนกองเงินกองทองเหมือนชุดที่แล้วๆมาอีกครั้ง

ปัจจุบันอุตสาหกรรมดนตรีกำลังต้องการอัลบั้มที่โกยเงินถล่มทะลายทั่วโลกชนิดที่ว่าถ้าบนแล้วได้ผลเป็นบนไปนานแล้ว และ R.E.M. ก็เป็นหนึ่งในวงร็อกไม่กี่วงที่มีผลงานรับประกันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอน ด้วยเหตุนี้ วอร์เนอร์มิวสิกจึงไม่รู้สึกเสียดมเสียดายแม้แต่น้อยที่ต้องเปิดเซฟขนเงิน 80 ล้านดอลลาร์มาต่อสัญญา R.E.M. ไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคมซึ่งถือว่าเป็นสัญญาที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในแวดวงดนตรีเลยทีเดียว

ทั้งนี้ วารสาร MUSIC & COPYRIGHT ของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์บนเกาะอังกฤษรายงานว่ายอดขายส่งใน 13 ประเทศซึ่งคิดเป็นแหล่งที่มาของยอดขาย 80% ในตลาดโลกขยับขึ้นแค่ 4% เป็น 11,800 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี เล่นเอาผู้บริหารค่ายแผ่นเสียงขนลุกขนพองไปตามๆกันด้วยเกรงว่าการเติบโตของยอดขายจะดิ่งเหวในระยะยาว

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆมีหวังยักษ์ใหญ่ทั้ง 5 อันได้แก่โพลีแกรมของเนเธอร์แลนด์,โซนี่ของญี่ปุ่น,วอร์เนอร์ของสหรัฐฯ,อีเอ็มไอของอังกฤษและเอร์เทลสมานน์ของเยอรมนี ที่ร่วมกันยึดครองตลาดเพลงโลกอยู่ถึง 2 ใน 3 คงต้องหายาแก้ปวดขมับมากินกันเป็นแถว เพราะส่วนใหญ่ต่างพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจเพลงมาประคับประคองการขยายตัวสู่ธุรกิจบันเทิงแขนงอื่นๆกันทั้งนั้น

การเริ่มต้นปีหนูทองกลายเป็นความผิดหวังอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับยุคทองของวงการเพลงในช่วงระหว่างปี 1985-1995 ที่ปรากฎว่ายอดขายปลีกเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 40,000 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดีในปีที่ผ่านมาตลาดเพลงเมืองลุงแซมซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดกลับหยุดนิ่งอยู่กับที่ อันเป็นผลจากการประชันกันหั่นราคาของร้านค้าต่างๆเช่นเดียวกับเยอรมนีตลาดใหญ่อันดับ 3 ที่ภาวะการเติบโตหยุดชะงักเนื่องจากเศรษฐกิจไร้เสถียรภาพและแม้ดีมานด์ในส่วนอื่นๆจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในเอเชียและละตินอเมริกา ทว่าก็หนุนให้ยอดขายเพลงทั่วโลกขยับขึ้นเพียง 10% เท่านั้นเพราะตลาดเหล่านี้ถือว่าเล็กกระจิริดเมื่อเทียบกับฝรั่งเศสแคนาดาและญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามภาวะชะงักงันในช่วงครึ่งแรกของปีนี้แท้จริงแล้วสะดุดหยุดอยู่ที่ระดับที่สูงพอสมควร แถมค่ายเพลงต่างๆยังมีช่องทางทำกำไรก้อนโตจากการขายลิขสิทธิ์เพลงเพื่อนำไปประกอบหนังหรือนำไปเผยแพร่เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ

ทว่า หากเทียบกับทศวรรษที่แล้วจะพบว่าพลวัตในอุตสาหกรรมดนตรีมีน้อยลงผิดหูผิดตาเพราะยักษ์ใหญ่ทั้ง 5 ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจว่าอัตราการเติบโตจะรูดลงอย่างนี้นับแต่ปี 1992 โพลีแกรมทุ่มทุนไปกับสตูดิโอในฮอลลีวูดไปถึง 800 ล้านดอลลาร์แต่จนถึงป่านนี้ สตูดิโอที่ว่าก็ยังขาดทุนอยู่นั่นเอง มิหนำซ้ำยังต้องการการสนับสนุนทางการเงินอีกมากเพื่อเรียนรู้คำว่า “กำไร”เสียที

ฝ่ายโซนี่ก็ใช้ผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากธุรกิจดนตรีมาหักกลบลบยอดขาดทุนของโคลัมเบีย-ไทรสตาร์   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us