Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2539
เยือนพระที่นั่งวิมานเมฆ             
 





“รอบภาษาอังกฤษรออีก 15 นาทีครับ” คนเฝ้าประตูพิพิธภัณฑ์พระที่นั่งวิมานเมฆเอ่ยกับเพื่อนคนหนึ่งทำเอาเรา 3 คนฮาตึงก็จะอะไรซะอีก เขานึกว่าเพื่อนคนนั้นคือไกด์คนไทย ขณะที่เราอีก 2 คนหน้าตาบอกยี่ห้อว่าเชื้อสายจีนสนิทดังนั้นฟังคำบรรยายภาคภาษาอังกฤษอาจจะสะดวกกว่า

แต่ทันทีที่พวกเรากล่าวขอบคุณเขาพร้อมๆกัน เขาก็ถึงกับหัวเราะอย่างเก้อเขิน

“ที่นี่ไม่ค่อยมีคนไทยมาชมหรือคะ” เราเปิดฉากสนทนา “ครับมีบ้างแต่ชาวต่างประเทศก็เยอะ” เขาตอบรับ

ชาวต่างประเทศหลั่งไหลกันมาเที่ยวประเทศไทยปีละ 7-8 ล้านคนด้วยความชื่นชมในศิลปวัฒนธรรม โบราณสถานวัดวาอารามและธรรมชาติของประเทศเราหากมาถึงกรุงเทพฯแล้ว วัดพระศรีรัตนศาสดารามคงจะหนีไม่พ้นเพราะได้รับการยกย่องไปทั่วโลกว่ามีความสวยงามมาก หลังจบจากการเที่ยวชมวัดพระแก้วแล้ว พระที่นั่งวิมานเมฆจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่คนให้ความนิยมกันไม่น้อย

พระที่นั่งวิมานเมฆสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราชที่ 2443 และใช้เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวระหว่างปี พ.ศ.2444-2449

ด้วยความเป็นพระที่นั่งไม้สักทองหลังใหญ่ที่สุดในโลกมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่ประณีตงดงามทั้งยังมีภาพถ่ายฝีพระหัตถ์และศิลปวัตถุส่วนพระองค์อยู่จำนวนมากจึงได้มีการบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาเพื่อจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ชมจำนวน 30 ห้องอันได้แก่ ห้องท้องพระโรง ห้องพระบรรทม ห้องสรงและห้องเครื่องเงินเป็นต้น

การเข้าชมจะมีรอบบรรยายภาษาไทยและภาษาอังกฤษสลับกันไป กล่าวคือรอบภาษาไทยจะมีขึ้นทุก ๆ 30 นาทีเริ่มตั้งแต่เวลา 9.30 จนถึง 15.00 น.ขณะที่รอบภาษาอังกฤษก็มีทุก ๆ 30 นาทีเช่นกันแต่จะเริ่มเวลา 9.45 น.ถึง 15.15 น.โดยเสียค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญท่านละ 50 บาทและเด็ก 20 บาท

หลังจากได้รับความรู้และชื่นชมความงามภายในพิพิธภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ทุกวันเวลา 10.30 น.และ 14.00 น.ที่บริเวณลานริมน้ำจะมีการแสดงรำไทยและกระบี่กระบอง เพื่อแสดงถึงศิลปวัฒนธรรมไทยๆอีกด้วย

บริเวณรอบๆพระที่นั่งวิมานเมฆ นอกจากจะร่มรื่นเหมาะแก่การหย่อนใจแล้วยังมีตำหนักอีกหลายแห่งที่จัดแสดงศิลปวัตถุที่ได้รับทูลเกล้าฯ และจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ ภาพฝีพระหัตถ์ พระบรมฉายาลักษณ์ของ ร.5 พระรูปของพระบรมวงศานุวงศ์และพระสหาย คือตำหนักพระองค์เจ้าหญิงพวงสร้อยสอางค์ ตำหนักพระองค์เจ้าหญิงอรไทยเทพกัญญา ตำหนักกรมหลวงวรเสรฐสุดา ตำหนักสวนฝรั่งกังไส พระตำหนักสวนหงส์และพิพิธภัณฑ์รถม้าพระที่นั่ง

ปัจจุบันพระที่นั่งแห่งนี้รองรับผู้เข้าชมในวันหยุดราชการวันละประมาณ 2,000 คนแต่สำหรับวันธรรมดาจะมีไม่ถึง 1,000 คนอย่างไรก็ตามผู้ที่มาเข้าชมส่วนใหญ่มักจะมาเป็นหมู่คณะและเป็นในลักษณะทัวร์มากกว่า

ในขณะที่ชาวต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อันทรงคุณค่าแห่งนี้มากมายอย่างสม่ำเสมอ คนไทยอย่างเราๆท่านๆยิ่งไม่ควรพลาด ใกล้ๆแค่นี้บนถนนราชวิถี หลังพระที่นั่นอนันตสมาคม   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us