ในสนามธุรกิจรถยนต์โลก ดูเหมือนว่าฟอร์ดมอเตอร์จะสตาร์ทเครื่องช้ากว่าเพื่อน แต่ด้วยวิสัยทัศน์ “ฟอร์ด 2000” ทำให้เอ็ด ฮาเก้นล็อคเกอร์ ผู้บริหารอันดับสองของบริษัทมั่นใจว่าฟอร์ดจะเร่งเครื่องร้อนไล่บี้คู่แข่งได้ทันท่วงที สภาพของฟอร์ดที่เพิ่งผ่านมา ดูท่าว่าชะตากรรมจะตกต่ำถึงชีดสุด ผลกำไรในปีที่แล้วเกือบจะหดหาย ขณะที่การดำเนินงานในยุโรป ก็ถูกจีเอ็มแซงหน้าทั้งยอดขายและกำไร ขณะที่ในวอลล์สตรีทหุ้นของฟอร์ดยังคงขายในระดับเดียวกับเมื่อสองปีที่แล้ว
“ทุกคนรีบร้อนตัดสินกันเร็วเกินไป” เอ็ด ฮาเก้นล็อคเคอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ดูแลการดำเนินงานทั่วโลก ผู้บริหารมือวางอันดับสองของฟอร์ดแย้ง
ฮาเก้นล็อคเกอร์กล่าวว่าฟอร์ดได้ผ่านจุดต่ำสุดในวงจรนี้มาแล้ว และกำลังจะทะยานขึ้นอีกครั้ง“ผมเคยสัญญาในสิ่งที่ผมทำไม่ได้หรือเปล่า?” ฮาเก้นล็อคเกอร์ย้อนถามนิตยสารฟอร์บส์ที่ไปสัมภาษณ์
ข้อเท็จจริงคือว่าเขายังไม่เคยหลายปีที่ผ่านมา ฮาเก้นล็อคเกอร์คาดการณ์ว่ารถบรรทุกของฟอร์ดจะแซงหน้าของจีเอ็มได้ ซึ่งในขณะนั้นดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก แต่แล้วมันก็เกิดขึ้นได้จริงๆ
ฮาเก้นล็อคเกอร์ในวัย 56 ปีไม่ได้เป็นผู้บริหารในวงการรถยนต์ตามแบบฉบับที่เห็นได้ทั่วไป เขาได้ปริญญาเอกสาขานิวเคลียร์ฟิสิกส์ แต่ขึ้นเป็นผู้บริหารอันดับ 2 ของฟอร์ดได้จากการคาดการณ์แม่นยำเกี่ยวกับตลาดรถบรรทุกและการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เกือบจะได้รับความนิยมและทำกำไรที่สุดให้กับฟอร์ดนั่นคือฟอร์ด EXPLORER และรถปิกอัพ BIG F ซีรีส์
ถึงแม้ว่ากำไรไตรมาสแรกของฟอร์ดจะต่ำกว่าปีที่แล้ว แต่ฮาเก้นล็อคเกอร์เตือนว่า “เมื่อคุณเห็นผลกำไรที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2,3และ 4 คุณจะเห็นว่าเราเริ่มที่จะเลื่อนไหลไปตามบางส่วนของการปรับปรุงต้นทุนอย่างที่เราพูดไว้ในแผนฟอร์ด 2000” ซึ่งทางวอลล์สตรีทก็เห็นด้วย ฮาร์เก้นล็อคเกอร์คาดการณ์ว่าฟอร์ดจะชิงส่วนแบ่งตลาดที่เสียไปกลับคืนมาจากการแข่งขันทำยอดขายในช่วงสิ้นปีจากปิกอัพ TAURUS และรถรุ่นใหญ่ใหม่ EXPEDITION
TAURUS ในราคา 20,000 ดอลลาร์ขึ้นไป นับเป็นราคาในช่วงกลาง ซึ่งฮาเก้นล็อคเกอร์กล่าวว่าจะทำยอดขายแซงฮอนด้า แอคคอร์ด และเป็นรถเบสต์เซลเลอร์ของสหรัฐฯอีกครั้ง และหากยอดขายของ TAURUS น้อยก็เนื่องมาจากคนซื้อรถเก๋งน้อยลงและหันไปซื้อรถบรรทุกมากกว่า
EXPEDITION ฟอร์ดจะเปิดตัวรถสปอร์ตอเนกประสงค์รุ่นใหญ่ (ที่นั่ง 3 ตอนปีนี้ในฤดูใบไม้ร่วง (เวอร์ชั่นลินคอล์นคือ NAVIGATOR จะเปิดตัวปีหน้า) ตั้งเป้าว่าจะทำยอดขายปีละ 150,000 คัน ตี CHEVROLET TAHOE ของจีเอ็ม
EXCORT ฟอร์ดทุ่มเงินให้กับรถ ESCORT เล็ก รถรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ซึ่งฮาเก้นล็อคเกอร์กล่าวว่ามีศักยภาพที่จะคุ้มทุนได้
BIG PICKUPS รถปิกอัพฟอร์ดรุ่นใหม่ทำยอดขายได้ถึงปีละเกือบ 800,000 คันในขณะนี้ จากที่คาดการณ์ไว้ 700,000 คันเมื่อต้นปียิ่งกว่านั้นฟอร์ดยังมีศักยภาพพอที่จะขยายไปถึงรุ่น 3 ประตูซึ่งจะทำยอดขายได้ถึง 50% เทียบกับ 30% ของรถรุ่นเก่า ซึ่งเป็นรุ่นที่จำหน่ายได้ช้ากว่า ความแตกต่างนี้จะเพิ่มยอดขาย 500 ล้านดอลลาร์
ฮาเก้นล็อคเกอร์ยังมองไม่เห็นว่าการบูมของรถปิกอัพจะหยุด “เมื่อคุณเห็นศักยภาพเปี่ยมล้นในตลาดขณะนี้จะพบว่าเป็นรถบรรทุกน้อยมากและด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆทั้งหมดและความหลากหลายที่จะทยอยเผยโฉม ความต้องการรถบรรทุกควรจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
แนวโน้มความนิยมรถบรรทุกนั้นเป็นผลดีสำหรับฟอร์ดก่อนปี 2000 ครึ่งหนึ่งของรถยนต์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯและเป็นรถบรรทุกเพิ่มขึ้น 43% จากปัจจุบัน รถบรรทุกจะคิดเป็นสัดส่วน 60% ของยอดจำหน่ายตัวเลขนี้รวมถึงรถเอนกประสงค์อย่าง EXPLORER และมินิแวนอย่าง WINDSTAR และรถบรรทุก
สำหรับ WINDSTAR “โอกาสพลาดไป” ฮาเก้นล็อคเกอร์ถอนใจ รถมินิแวนขนาดใหญ่รุ่นนี้ของฟอร์ดมี 3 ประตูแต่ไครสเลอร์เปิดตัวรถ 4 ประตูในปีที่แล้ว ทำให้ WINDSTAR ต้องล้าหลังและจะไม่มีทางไล่ตามได้ทันจนกว่าจะถึงต้นปี 1999 แต่ฮาเก้นล็อคเกอร์ยังคงคาดว่าฟอร์ดจะสามารถจำหน่ายรถรุ่นนี้ได้ 240,000 คันต่อไป รถรุ่นนี้เป็นรถมินิแวนมากกว่า 3 แผนกของจีเอ็มจะจำหน่าย เมื่อรถรุ่นใหม่อยู่ในกำลังผลิตเต็มที่ บางทีอาจจะเป็นปีหน้า
ส่วนรถรุ่นอื่นๆที่กำลังจะเปิดตัว ได้แก่ รถเอนกประสงค์รุ่นเล็ก ซึ่งสร้างบนแชสซีส์รถยนต์แทนที่จะเป็นรถบรรทุกในราคาราว 15,000-20,000 ดอลลาร์เพื่อแข่งขันกับรถญี่ปุ่นคาดว่าจะวางตลาดได้ในปี 1999 และรถรุ่นนี้สามารถเป็นยนตรกรรมระดับโลกที่จะผลิตในยุโรปด้วยเช่นกัน
สำหรับรถปิกอัพเล็ก 4 ประตู (RANGER) ฮาร์เก้นล็อคเกอร์กล่าวว่า “3 ประตูก็ดี แต่ 4 ประตูดีกว่า” JAGUAR รุ่นที่เล็กที่ว่าจะขนาดราว BMW ซีรีส์ 5 ราคาอาจจะตกราว 45,000 ดอลลาร์และอาจจะวางตลาดในอีก 3 ปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มยอดจำหน่ายของ JAGUAR เป็น 2 เท่าได้ถึง 80,000 คันวอลุ่มขนาดนี้จะเริ่มทำกำไรให้กับการลงทุนกับ JAGUAR ขณะนี้รถรุ่นใกล้เคียงแต่ราคาต่ำกว่าลินคอร์นจะเปิดตัวด้วยเช่นกัน (โชคร้ายสำหรับฟอร์ด จีเอ็มจะวางตลาดรถทำนองเดียวกันฤดูใบไม้ร่วงนี้ เป็นรถที่ผลิตในเยอรมนี คือ CADILLAC CATERA)
ในตลาดยุโรปนั้น สำหรับฟอร์ดแล้ว ทำยอดขายได้ 26,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้วทว่ามีการเข้าออกของผู้บริหารขาดแคลนตัวสินค้าและยังไม่ทำกำไร
“ตามโครงสร้างของเราผมจะต้องไปดูแลยุโรป” ฮาเก็นล็อคเกอร์กล่าวถึงภารกิจที่ต้องเริ่มดูแลธุรกิจในยุโรปตั้งแต่ปีหน้า และอีกหนึ่งปีครึ่งหลังจากนั้นเขากล่าวว่าค่อยมาพูดกันอีกครั้ง
ในเอเชีย ฟอร์ดมีโรงงานรถบรรทุกที่กำลังก่อสร้างในไทย (ร่วมมือกับมาสด้า) ทั้งฟอร์ดและจีเอ็มกำลังบุกตลาดอินเดีย และฮาเก้นล็อคเกอร์กล่าวว่าจะเริ่มการผลิตเดือนกันยายนนี้ อาจจะก่อนหรือหลังจีเอ็ม ส่วนในจีน โชคร้ายที่จีเอ็มได้สิทธิในการสร้างโรงงานรถยนต์ไป ขณะที่ฟอร์ดซื้อหุ้น 20% ของบริษัทจีนและเตรียมที่จะผลิตรถแวนเล็กในจีน
ฮาเก้นล็อคเกอร์ให้เครดิตกับแผน “ฟอร์ด 2000” เต็มที่ว่าฟอร์ดจะสามารถเริ่มผลิตรถเล็กในบราซิล 2 ปีหลังจากตัดสินใจ
เรากำลังจะผลิตรถ ESCORT (เล็ก) ยุโรป และรถ RANGER (ปิกอัพเล็ก) ในอาร์เจนตินาสิ้นปี และจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ถ้าขาดแผนฟอร์ด 2000
ฟอร์ดใหม่ระดับโลกนี้จะทำอะไรได้เร็วกว่าฟอร์ดเก่าซึ่งแบ่งเป็นเซ็กเมนต์ตามภูมิศาสตร์
“เนื่องจากองค์กรเดิมนั้นจะมุ่งเน้นไปที่ตลาดของตัวเอง” มาบัดนี้ ทั้งองค์กรจะเน้นไปที่ทั้งโลก “รถยนต์ที่จะวิ่งในอินเดียและจีน เป็นผลิตผลและแผนการที่เกิดจากฟอร์ด 2000 ทั้งนั้น” ฮาร์เก้นล็อคเกอร์ย้ำ
|