ถ้าพูดถึงกระเป๋าหนังกระเป๋าเดินทางในอินเดีย ชาวภารตะทุกคนจะนึกถึงชื่อ “วีไอพี” ยี่ห้อกระเป๋าดังที่ติดปากทุกคน พอๆกับหลุยส์ วิคตอง จนทำให้โรงงานวีไอพีอินดัสทรี่ของดิลิป พิรามาลนักธุรกิจแดนโรตีมีส่วนแบ่งในตลาดกระเป๋าหนังในอินเดียถึง 85% ขณะที่กระเป๋ายี่ห้อยูนิเวอร์แซล ลักเกจและยี่ห้ออริสโตแครทจากเจ้าของคนเดียวกันก็ครองส่วนแบ่งถึง 10%

บริษัทในเครือของพิรามาลมีกำลังการผลิตกระเป๋าถึง 5 ล้านใบเป็นรองเฉพาะโรงงานแซมโซไนท์ของสหรัฐฯที่มีกำลังการผลิต 8 ล้านใบต่อปี แต่ถึงเท่านี้ก็ทำให้บริษัทในเครือของพิลามาลมีรายได้สูงถึง 7.2 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่พิลามาลยังไม่พอใจแค่นี้ เขายังเร่งส่งออกสินค้าตัวใหม่ของบริษัทคือ สตรอลเล่ย์ที่มีขนาดเบา รูปทรงยาวไปยังต่างประเทศอีกด้วย

“เราส่งออกไปมากกว่าขายในประเทศเสียอีก” พิลามาล วัย 47 กล่าวเพราะตลาดต่างประเทศทำรายได้ให้วีไอพีถึง 5.7 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา เขากล่าวต่อไปว่าโดยเฉพาะประเทศตะวันออกกลางอย่างดูไบที่มีร้านปลอดภาษีกระเป๋าของวีไอพีขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียว ยังเหลือยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกแห่งที่พิลามาลกำลังให้ความสนใจอยู่

ความต้องการกระเป๋าในอินเดียเริ่มสูงขึ้นตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจและคนอินเดียที่เดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น แม้ว่าผู้มีอันจะกินของอินเดียจะนิยมกระเป๋าของแซมโซไนท์หรือเดลซี่ย์ของฝรั่งเศสมากกว่า แต่พิลามาลอ้างว่าคุณภาพของวีไอพีไม่ได้ด้อยกว่าของสหรัฐฯหรือฝรั่งเศสเลย แถมราคาถูกกว่ามาก โดยราคาแพงสุดใบละ 114 ดอลลาร์

สัญชีพ อากาประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารฝ่ายการตลาดของโบลว์ พาร์ท บริษัทการตลาดของวีไอพีกล่าวว่ารูปทรงแปลกใหม่ ระบบการผลิตที่ทันสมัยและการตลาดคือหัวใจของความสำเร็จของ

วีไอพีในปี 1978 วีไอพีเข็นกระเป๋าทราเวลไลต์ออกมาขายซึ่งมีรูปทรงเพรียวลม เบาแต่ทนทาน บวกกับแรงโฆษณานิดหน่อยทำให้ยอดขายของทราเวลไลท์สูงถึง 11 ล้านดอลลาร์

แต่ความสำเร็จใช่ว่าจะมีด้านดีด้านเดียว เพราะพิลามาถูกกล่าวหาว่าผูกขาดตลาดสินค้าแต่ผู้เดียว ทำให้ยอดนักขายแดนโรตีต้องหาทางขยับขยายไปจับตลาดอื่นบ้างอย่างตุ๊กตา โทรทัศน์และเครื่องจักรแปรรูปพลาสติกรวมถึงบริษัทจัดจำหน่ายที่เขากำลังพยายามปั้นมันมาหลายปีในลอนดอน