|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กรกฎาคม 2539
|
|
“สำหรับกิจกรรมด้านการตลาดของนีเวีย วิซาจ นับจากนี้ไปเราคงต้องเก็บเป็นความลับเพราะ ณ จุดนี้การแข่งขันสูงเหลือเกิน” พวงรัตน์ ชูโตผู้จัดการฝ่ายเครื่องสำอางบริษัทไบเออร์สดอร์ฟ (ประเทศไทย) จำกัดผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านผิวภัณฑ์แบรนด์นีเวียกล่าวกับ “ผู้จัดการ”
การแข่งขันที่สูงขึ้นจากคำกล่าวข้างต้นก็คือการแข่งขันกันระหว่างคู่แข่งซึ่งล้วนเป็นค่ายอินเตอร์ฯ ไม่ว่าจะเป็นพอนด์ส ของลีเวอร์ฯ, เพลนนิจูดของค่ายลอรีอัล และออยล์ ออฟ อูลานของพีแอนด์จี ซึ่งล้วนต่างมุ่งหมายที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ครองมาร์เกตแชร์ในตลาดเครื่องสำอางประเภททำความสะอาดและรักษาผิวหน้าซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมทั้งระบบประมาณ 2,000 ล้านบาททั้งสิ้น
นีเวีย วิซาจผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประเภททำความสะอาดและบำรุงผิวหน้านับเป็นหนึ่งในสินค้าตัวเต็งที่ทางบริษัท ไบเออร์สดอร์ฟ (ประเทศไทย) จำกัดนำเข้ามาเปิดตัวครั้งแรกเมื่อประมาณกลางปี 2536 หลังจากศึกษาตลาดเมืองไทยมานานพอสมควรจนมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ในสายนี้จะกลายเป็นตลาดดาวรุ่งอย่างแน่นอน
และไทยเป็นเวทีแรกในย่านเอเชียที่ทางบริษัทไบเออร์สดอร์ฟ เยอรมนีนำนีเวีย วิซาจเข้ามาชิมลางและยังถือเป็นรายแรกที่มีการนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประเภททำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าที่มีราคาจำหน่ายค่อนข้างสูงเข้าสู่ช่องทางจำหน่ายซูเปอร์มาร์เกตซึ่งเป็นแมสมาร์เกต โดยชูจุดขายคือความเป็นสินค้าประเภทไฮเทค เฟสแคร์ โปรดักส์ กล่าวคือเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทบำรุงผิวหน้าที่มีการประสานเทคโนโลยีใหม่ๆเข้าไปในส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อการดูแลและบำรุงผิวหน้า
“เราเห็นว่านีเวีย วิซาจถึงเวลาต้องเข้ามาแล้ว เราต้องเอาตัวเราเข้าไปในเซ็กเมนท์นี้ ถ้ามาสายเกินไปก็จะยิ่งสายไปใหญ่ เราต้องเข้าในช่วงที่ตลาดยังว่าง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครนำสินค้าประเภทไฮเทค เฟสแคร์ โปรดักส์เข้าไปในตลาดแมสมาร์เกตเลย”
สำหรับรูปแบบการทำตลาดของนีเวีย วิซาจซึ่งยึดช่องทางจำหน่ายผ่านซูเปอร์มาร์เกตแม้จะเป็นแนวทางที่ฉีกแนวเป็นรายแรกสำหรับตลาดเมืองไทย แต่เป็นคอนเซปต์ที่บริษัทแม่ได้นำมาใช้เป็นแม่บทในการขยายตลาดจนประสบความสำเร็จ
จนขณะนี้นีเวีย วิซาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์ประเภททำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าที่มาร์เกตแชร์เป็นอันดับ 1 ในตลาดยุโรปคิดเป็นตัวเลขประมาณ 17.5% นำหน้าเพลนนิจูดของค่ายลอรีอัลซึ่งมีส่วนแบ่งประมาณ 12.5% และออยล์ ออฟอูลานของค่ายพีแอนด์จีที่มาร์เกตแชร์อยู่ประมาณ 9%
เกือบ 3 ปีที่ผ่านมาของการเปิดตัวเข้าสู่ตลาดเมืองไทยของนีเวีย วิซาจ พวงรัตน์กล่าวว่าผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ แม้ในระยะแรกจะประสบปัญหาความยุ่งยากในเรื่องการสร้างความเข้าใจกับผู้บริโภคหรือแม้แต่เจ้าของห้างสรรพสินค้าที่นีเวีย วิซาจเข้าไปจำหน่าย แต่ในที่สุดผู้บริโภคก็เริ่มให้การยอมรับ พร้อมๆกับการแข่งขันที่เริ่มเพิ่มความเข้มข้นขึ้นทุกขณะจากคู่แข่งที่เข้ามาแย่งชิงพื้นที่ขายในซูเปอร์มาร์เกตด้วยกัน
“เชื่อว่าในอนาคตเราคงจะแข่งขันอยู่กับคู่แข่งรายเดิมๆที่ต่างแข่งขันกันมาในหลายทวีป แต่การแข่งขันจะสูงขึ้น ตลาดบำรุงผิวพรรณน่าจะเป็นสนามที่ร้อนแรงที่สุด ซึ่งความสำเร็จน่าจะขึ้นอยู่กับการแข่งกันในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้ตรงจุดจะทำให้สินค้าไปได้ไกลและได้รับการยอมรับ” ผู้จัดการฝ่ายเครื่องสำอางนีเวียกล่าว
กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาบริษัท ไบเออร์สดอร์ฟ (ประเทศไทย) ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในตระกูลนีเวีย วิซาจคือ นีเวีย วิซาจ ไวท์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับชาวเอเชียโดยเฉพาะด้วยการชูจุดขายในเรื่องส่วนผสมลิโคริซ ซึ่งเป็นสูตรสกัดจากธรรมชาติป้องกันการหมองคล้ำของผิวหน้าระยะยาวและช่วยปรับผิวหน้าให้ขาวขึ้น
พวงรัตน์วางเป้าหมายมาร์เกตแชร์ของนีเวีย วิซาจ ไวท์ถึง 10% ของตลาดรวมผลิตภัณฑ์ประเภทที่ทำให้ผิวหน้าขาวซึ่งมีมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาทซึ่งมีผลิตภัณฑ์ของพอนด์สและออยล์ ออฟ อูลานครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ก่อนหน้าประมาณ 30-40%
โดยพอนด์สของค่ายลีเวอร์ฯ มีพอนด์สสกิน ไลท์เทนนิ่ง มอยส์เจอไรเซอร์ เป็นธงนำชูจุดขายคือจะทำให้หน้าขาวเนียนขึ้นภายใน 6 สัปดาห์ ขณะที่พีแอนด์จีก็ส่งออยล์ ออฟ อูลาน เดลี ยูวี โปรเทคแทนท์ ครีมและโลชั่นซึ่งมีสูตร SPF 15 ที่จะช่วยให้ผิวหน้าขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ในฐานะที่เปิดตัวตามหลังคู่แข่งและเชื่อมั่นว่าตลาดผลิตภัณฑ์ประเภททำให้ผิวหน้าขาวเป็นตลาดที่สดใสโดยมีตัวเลขการเติบโตถึงปีละ 40-50% ทำให้แผนงานด้านการตลาดในครึ่งปีหลังของไบเออร์สดอร์ฟ (ประเทศไทย) จึงเน้นไปที่การสร้างชื่อของนีเวีย วิซาจ ไวท์ ให้เป็นที่ยอมรับด้วยการทุ่มงบโปรโมชั่นถึง 50 ล้านบาท ซึ่ง 80% ของงบดังกล่าวถูกนำมามอบหมายให้บริษัทเอเยนซี่คือ สปา แอดเวอร์ไทซิ่งเป็นผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณา 3 ชุด
ภาพยนตร์โฆษณา 3 ชุดดังกล่าวจะนำออกแพร่ภาพครอบคลุมประเทศในย่านเอเชียไดแก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง ไต้หวันและมาเลเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้พวงรัตน์เคยใช้กลยุทธ์สร้างชื่อนีเวีย วิซาจโดยผ่านสื่อภาพยนตร์โฆษณาเมื่อปี 2537 ผลที่ได้รับคือทำให้ผู้บริโภคคนไทยเริ่มรู้จักและยอมรับนีเวีย วิซาจมากขึ้น
พวงรัตน์ ชูโตเข้ามาร่วมงานกับบริษัท ไบเออร์สดอร์ฟ (ประเทศไทย) เป็นระยะเวลา 5 ปีโดยเริ่มต้นจากการเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท ไบเออร์สดอร์ฟ (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากทำงานได้ 1 ปีเธอก็ได้รับหน้าที่เพิ่มเติมโดยรับตำแหน่งผู้จัดการดูแลการทำตลาดของนีเวียในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ปีที่ผ่านมาเธอได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการดูแลตลาดในประเทศเวียดนามและล่าสุดปีนี้คือที่ประเทศพม่าอีกแห่ง
พวงรัตน์กล่าวว่าการที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลตลาดของนีเวียในหลายประเทศนั้นไม่ได้ทำให้เหนื่อยขึ้นแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับเป็นผลดีในแง่การทำตลาด เพราะอย่างน้อยเธอสามารถนำจุดนี้มาสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันคือในเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายการจัดงบด้านการตลาดที่ใช้รูปแบบเดียวกันในพื้นที่ที่ดูแลอยู่
และที่สำคัญคือยังทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงเพราะต้องผลิตสินค้าจำนวนมากขึ้นเพื่อส่งไปยังประเทศเครือข่ายเดียวกัน ซึ่งสินค้ายิ่งต้นทุนต่ำมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะสามารถนำกลยุทธ์เรื่องราคามาเป็นแต้มต่อด้านการแข่งขันกับคู่แข่งได้
พวงรัตน์มั่นใจว่าจะสามารถนำนีเวีย วิซาจก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประเภททำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าเช่นเดียวกับที่เธอรักษาตำแหน่งอันดับ 1 ให้กับนีเวียในฐานะผู้นำด้านตลาดโลชั่น
“ตลาดโลชั่น นีเวียเป็นผู้นำเพราะอยู่มานานเป็น 10 ปีเปรียบเสมือนเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่สำหรับนีเวีย วิซาจการก้าวสู่อันดับ 1 คงต้องอาศัยเวลาเพราะเป็นตลาดใหม่ ซึ่งเรายังจัดเป็นเด็กที่ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่” พวงรัตน์กล่าว
แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น นีเวีย วิซาจ ไวท์ซึ่งถูกวางบทเด่นในปีนี้ น่าจะเป็นอีกบทพิสูจน์ฝีมือพวงรัตน์ มืออาชีพที่เคยผ่านประสบการณ์มาจากค่ายเนสท์เล่และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันก่อนที่เธอจะเข้ามารับงานที่นี่ได้เป็นอย่างดีว่าเธอจะสามารถขาย “ความขาว” ให้กับสาวไทยได้ตรงจุดหรือไม่?
|
|
|
|
|