นับเป็นเวลาหกปีเต็มกว่าที่เจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) พี่เบิ้มของบิ๊กทรีแห่งวงการรถยนต์อเมริกันจะสามารถเจาะตลาดรถยนต์เกาหลีใต้ที่ปิดตายมานานได้สำเร็จโดยได้เข้าร่วมทุนกับแดวู มอเตอร์ในเครือของแดวู กรุ๊ปแต่แล้วก็ต้องขายหุ้นบางส่วนในบริษัทร่วมทุนให้แก่พันธมิตรรายนี้ไปในปี 1992 หลังจากได้ข้อสรุปว่าแดวู มอเตอร์มุ่งมั่นแต่จะเพิ่มยอดขายรถมากกว่าการฉุดกำไรที่ตกอยู่ในอากาย่ำแย่
ในวันนี้แดวู มอเตอร์ก็กำลังขมีขมันกับการนำเอาความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งหมดที่ได้จากจีเอ็มมาใช้ในการผลิตรถในโรงงานของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นโรงงานในที่ใด โดยขณะนี้แดวู มอเตอร์มีโรงงานประกอบรถยนต์อยู่ในประเทศต่างๆ อาทิ อินเดียและโปแลนด์ ต่างกับบริษํทรถยนต์จากดีทรอยด์ไม่เพียงถูกบีบให้ออกจากตลาดเกาหลี แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันกับผู้ผลิตรถค่ายโสมขาวในตลาดอื่นๆด้วยในเวลาเดียวกัน โดยในปีที่ผ่านมาเกาหลีใต้ส่งออกรถไปตีตลาดในต่างประเทศเกือบ 1 ล้านคันแต่กลับนำเข้ารถจากต่างประเทศเพียง 7,000 คันเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าการบุกเข้าไปผลิตรถยนต์ในถิ่นโสมต้องพบกับกลโกงมากมาย อุตสาหกรรมรถยนต์จึงเบนเข็มมาทางอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่เจอปัญหาน้อยกว่า เนื่องจากทุกวันนี้บริษัทรถยนต์ของเกาหลีใต้ยังคงต้องพึ่งพาซัปพลายเออร์ผลิตชิ้นส่วนจากนอกประเทศอยู่อีกมาก
ทีอาร์ดับบลิว ผู้ผลิตสินค้าคงทนคอนซูเมอร์สัญชาติอเมริกันรับหน้าที่ป้อนเทคโนโลยีรุ่นใหม่ อาทิ อุปกรณ์อัดลมสำหรับถุงลมนิรภัยและวาล์วเครื่องยนต์ ให้แก่สี่บริษัทร่วมทุนผลิตรถยนต์ของเกาหลีใต้อีกทั้งยังคว้าสัญญาไลเซ่นส์อีกสองงานจากบริษัทรถยนต์ของประเทศดังกล่าวด้วย ปีที่ผ่านมายอดขายจากตลาดโสมขาวของทีอาร์ดับบลิวพุ่งขึ้น 20% ทำได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์โดยได้ตั้งเป้าว่ายอดขายในตลาดนี้จะขยายตัวปีละประมาณ 7-10% ซึ่งนับว่าไม่เลวทีเดียวสำหรับอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับการผลิตรถในช่วงที่คาดกันว่าตลาดรถยนต์ทั่วโลกจะเติบโตปีละ 2%
เจมส์ สมิธ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของทีอาร์ดับบลิวมองการณ์ไกลว่า “เมื่อผู้ผลิตรถเกาหลีบุกเข้าตลาดสหรัฐฯ ยุโรปและประเทศสมาชิกสมาคมชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนเราเล็งเห็นโอกาสดีที่จะเกิดกับธุรกิจของเรา”
สำหรับฟอร์ด ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของสหรัฐฯมองว่าธุรกิจผลิตชิ้นส่วนของบริษัท อย่างเช่นระบบเครื่องปรับอากาศและอุปกรณ์เครื่องยนต์กำลังไปได้สวยโดยในปีที่ผ่านมาบริษัท ร่วมทุนผลิตชิ้นส่วนสามแห่งในแดนอารีดังมียอดขายรวมกันประมาณ 750 ล้านดอลลาร์และในไม่ช้าก็จะมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนแห่งใหม่ขึ้นมาอีกแห่งซึ่งคาดว่าจะทำยอดขายให้ปีละ 400 ล้านดอลลาร์
บริษัทรถยนต์อเมริกันเริ่มจับตามองคู่แข่งจากเกาหลีใต้นับจากวินาทีแรกที่ส่งรถบุกตลาดอเมริกัน ปัจจุบันนี้ รถเกาหลีใต้ไม่เพียงพัฒนาจนมีคุณภาพสูงกว่าเดิม แต่ยังดาหน้ากันเข้าถล่มรถทุกค่ายในตลาดสำคัญๆทั่วโลก แม้ตัวเลขรถเกาหลีส่งออกไปยังตลาดอินทรีในปีที่ผ่านมาจะมีเพียง 200,000 คันแต่ในปีเดียวกันนั้น รถเกาหลีใต้จำนวนสูงถึง 800,000 คันได้บุกเข้าไปลุยในตลาดอื่นๆไล่ตั้งแต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรปตะวันตกและยุโรปตะวันออกจนถึงอเมริกาใต้
ปีที่ผ่านมา บริษัทเกาหลีผลิตรถได้มากถึง 2.5 ล้านคันสามารถแซงหน้าบริษัทแคนาดาขึ้นมาอยู่ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับห้าของโลกแต่ก็ยังใฝ่ฝันจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็นสองเท่าของจำนวนดังกล่าวให้ได้ภายในสี่ปีข้างหน้า
อุตสาหกรรมรถยนต์จากดีทรอยต์จึงเล็งเห็นโอกาสทองทางด้านธุรกิจเพราะรู้ดีว่าบริษัทเกาหลีมักจะพึ่งพาซัปพลายเออร์ชิ้นส่วนจากบุคคลภายนอกเป็นหลักเหมือนบริษัทญี่ปุ่น แต่ซัปพลายเออร์ของเกาหลีที่แม้จะมีจำนวนมากถึง 1,500 รายแต่ก็ยังเป็นบริษัทเล็กๆที่มีขีดความสามารถทางเทคนิคเพียงจำกัด ดังกรณีของฮุนได มอเตอร์ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของเกาหลีนั้น ต้องใช้ซัปพลายเออร์ผลิตชิ้นส่วนขั้นต้นกันถึง 450 รายเพื่อผลิตรถให้ได้ 1.1 ล้านคันในปี 1994 ต่างกับโตโยต้า บริษัทรถยนต์รายใหญ่สุดแดนปลาดิบที่ใช้ซัปพลายเออร์เพียง 230 รายแต่สามารถผลิตรถได้มากกว่าถึงสามเท่าของจำนวนรถที่ฮุนไดผลิตได้
เกาหลีใต้ไม่อาจจะพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปเงินอุดหนุนจากภาครัฐซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) แต่การจะขายรถในต่างประเทศให้ได้ 6,000 คันตามที่ตั้งเป้าผลิตในแต่ละปี จำเป็นอย่างยิ่งที่เกาหลีจะต้องใช้ชิ้นส่วนที่ดีที่สุดและเป็นเทคโนโลยีล่าสุดไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย, ระบบเบรกแอนตี้ล็อกและระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์
แต่น่าเสียดาย อุปกรณ์เหล่านี้จำเป็นต้องหาซื้อมาจากซัปพลายเออร์ต่างชาติเท่านั้นเมื่อเป็นเช่นนี้จีเอ็มจึงยอมสงบสติอารมณ์กับเรื่องการกีดกันตลาดเกาหลีใต้ โดยหันมาส่งเทคโนโลยีรุ่นล่าสุดให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์เกาหลีใต้ผ่านทางบริษัทในเครือที่ชื่อว่าเดลฟีออโต้โมทีฟ ซิสเต็มส์ซึ่งปัจจุบันนี้ก็รับหน้าที่ป้อนชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดบางชิ้นให้แก่บริษัทรถเกาหลีใต้อยู่แล้ว
ถึงวันนี้จีเอ็มก็ยังคงมีหุ้นบางส่วนอยู่ในบริษัทร่วมทุนผลิตชิ้นส่วนสี่แห่งในเกาหลีใต้ที่ถือหุ้นกันฝ่ายละ 50% บริษัททั้งสี่ทำยอดขายได้กว่า 800 ล้านดอลล่าร์ในปีที่ผ่านมา ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทก็คือแดวูมอเตอร์ ทั้งนี้ จี.สก็อตต์ แกรแฮม รองกรรมการผั้ดการใหญ่ของเดลฟี ออโต้โมทีฟ ซิสเต็มส์ในเกาหลีอธิบายให้ฟังกันว่า “แดวูแจ้งไปยังจีเอ็มถึงเรื่องการเพิ่มความร่วมมือในต่างประเทศในด้านเทคโนโลยี การบริหารและการผลิตและเราก็บอกไปว่าธุรกิจของเราในเกาหลีใต้มีศักยภาพสูงในการทำยอดขายให้ได้ถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ในราวปี 2000” สรุปกันง่ายๆก็คือว่าธุรกิจรถของอเมริกันดูจะเชื่อมั่นเต็มร้อยว่า จะสามารถคว้าเค้กชิ้นใหญ่จากอุตสาหกรรมรถเกาหลีใต้ได้อย่างแน่นอน-ฟอร์จูน
|