|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มิถุนายน 2539
|
|
หัวหินเป็นแหล่งท่องเที่ยวของคนทุกระดับรายได้มานานจนดูจะแน่นไปเสียแล้วสำหรับหาดทราบที่มีพื้นที่จำกัด แถมกิจกรรมที่มีอยู่นอกจากการเล่นน้ำทะเลกับการพักผ่อนนอนเล่นก็กำลังจะทำให้หัวหินเสื่อมความนิยมไปได้หากไม่มีการขยายพื้นที่เที่ยวเล่นหรือเสริมกิจกรรมอื่นเข้าไป
คนที่ชอบแล่นเรือไปตามกระแสคลื่นลมในทะเลอย่าง “วิโรจน์ นวลแข” ที่คลุกคลีอยู่กับหัวหินมานาน เพราะมีบ้านพักอยู่ที่บ้านไข่มุก คอนโดมิเนียมที่รู้จักกันดีว่าเป็นที่พักของคนในระดับเศรษฐีของเมืองไทย กิจกรรมที่ทำที่นี่เองที่ทำให้วิโรจน์ล่องไปตามกระแสคลื่น ขึ้นตะวันออกออกตะวันตกลงใต้ จนมาพบกับที่ที่เขาคิดว่าจะกลายเป็นแหล่งที่สร้างกิจกรรมให้กับคนไทยได้สนุกกับทะเลมากกว่าการเล่นลมชมวิว
บริเวณปากน้ำปราณบุรีหรือปลายสุดของแม่น้ำเพชรบุรีที่ไหลลงสู่อ่าวไทยที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันท์ พื้นที่ที่วิโรจน์แล่นเรือมาพบและเห็นว่าสมบูรณ์ดีที่สุดสำหรับปากแม่น้ำธรรมชาติที่อยู่ห่างจากกรุงเทพฯเพียงเส้นรัศมีไม่เกิน 200 กิโลกเมตรและเขากำลังพัฒนาให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งรวมของกิจกรรมทางน้ำเพื่อการพักผ่อนสำหรับผู้รักกิจกรรมทางน้ำ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ
“ผมมาเจอที่นี่ เพราะผมอยู่หัวหินมานานและดูทำเลที่ปราณบุรีนี้ไว้นานแล้ว จนกระทั่งเห็นว่าชาวบ้านเห็นด้วยและคิดว่าช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ผมถึงลงมือทำ โดยซื้อที่ดินจากชาวบ้านหร้อมกับมองแล้วว่าเราจะไม่มีปัญหากับพวกพิทักษ์สิ่งแวดล้อมหรือกลุ่มที่ไม่ชอบเพราะที่นี่มีปากน้ำที่เป็นธรรมชาติเหมาะสำหรับการเล่นเรือ ไม่ต้องทำเขื่อนกันคลื่นลมที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับปากน้ำ เพียงแค่อาศัยขุดลอกสันทรายเป็นบางฤดูกาลเท่านั้น ซึ่งก็จะได้ประโยชน์ทั้งกับโครงการและเรือประมงที่มีอยู่นับ 300 ลำ”
ตามความคิดของวิโรจน์ นวลแขที่ใช้ชีวิตในวันหยุดเป็นจำนวนมากที่นี่นอกเหนือจากการทำงานในตำแหน่งที่มีอยู่เกือบ 10 บริษัทอาทิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัทล็อกซเลย์ จำกัด (มหาชน) กรรมการการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยก็คือการพัฒนาที่แห่งนี้ให้เป็น “มารีน่าเพลส” ที่สมบูรณ์โดยที่ตรงนี้จะเป็นเมืองที่ให้ทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาทางน้ำต่างจากการท่องเที่ยวที่หัวหินที่ไม่มีเอนเตอร์เทนเมนต์ใดๆนอกจากการเล่นน้ำทะเล
“ที่นี่ไม่เพียงจะเป็นแหล่งกีฬาทางน้ำและกิจกรรมการเดินเรือที่ครบวงจรยังจะมีตั้งแต่โรงหนัง โรงละคร ดนตรีสด อาหารดีๆเปิดโต้รุ่งให้ทุกคนที่มาทางเรือใช้เป็นที่แวะพัก เติมน้ำเติมของเปลี่ยนอะไหล่และเข้าไปเที่ยวเมือง แต่จะไม่เหมือนพัทยาที่เน้นพวกเรือเล็กมีเรือใหญ่บ้างก็ไม่เป็นศูนย์หรือที่ภูเก็ตก็ยังมีสภาพที่กระจัดกระจายและที่สำคัญจะไม่ใช้การสร้างคอนโดสูงๆ แล้วเรียกเป็นมารีน่า แต่เราใช้แม่แบบการพัฒนาโครงการจากหลายๆที่ ตั้งแต่ฝรั่งเศสตอนใต้ที่เราเรียกพอร์ทพรีโม่จากนิวซีแลนด์และรอบๆบ้านเราทั้งในสิงคโปร์และมาเลเซียเพื่อดึงกลุ่มนักเล่นเรือใบจากต่างชาติเข้ามาเล่นด้วย”
วิโรจน์เล่าว่า เดิมนักเล่นเรือจากต่างชาติจะเข้ามาในประเทศไทยได้ลึกสุดแค่เกาะสมุยแล้วกลับเพราะถ้าเข้ามาลึกกว่านี้ก็จะไม่มีที่จอดเรือจะมีก็แต่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไม่มีใครอยากเข้าไปเพราะไม่มีที่จอด แต่ถ้าที่ปากน้ำปราณมีมารีน่าเพลสที่สมบูรณ์จริงๆไว้รองรับเรือเหล่านี้ ก็เชื่อว่าจะช่วยดึงต่างชาติเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยได้มากขึ้น โดยเอาเรือมาจอดทิ้งไว้ที่นี่แล้วนั่งรถไปเที่ยวในเมือง
สำหรับผู้ที่สนใจเช่าที่จอดเรือ ทางภัทรมารีน่าจะคิดค่าเช่าต่อเดือนแตกต่างกันไปตามขนาดเรือและประเภทของที่จอดเรือดังนี้ จอดในน้ำค่าเช่าตั้งแต่ 12,000-20,000 บาทจอดบนบกในร่ม 13,000 บาทต่อเดือน จอดบนบกแต่ไม่อยู่ในร่มประมาณ 3,850 บาทและอัตราค่าเช่าพิเศษสำหรับเรือ “FARR PLATU” 1,200 บาทต่อเดือนแต่สนใจเป็นเจ้าของที่จอดเรือในโครงการ อัตราซื้อสิทธิ์การเป็นเจ้าของที่จอดเรือราคาจะแตกต่างกันไปตามขนาดของท่าเทียบเรือ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 5 แสนถึง 3 ล้านบาท
วิโรจน์ยังได้ร่วมกับวิศวกรเรือชาวนิวซีแลนด์ออกแบบเรือ “FARR PLATU” ซึ่งได้ชื่อมาจากชื่อของวิศวกร “บลู๊ซ ฟาร์ร” ออกแบบกับชื่อ “ปลาทู” ที่คนไทยนิยมกินจิ้มน้ำพริกนั่นเอง โดยเน้นให้เป็นเรือใบที่มีขนาดและน้ำหนักเหมาะกับรูปร่างของคนไทย
ในส่วนของโครงการได้แบ่งการพัฒนาเป็น 2 ส่วนคือส่วนของโครงการภัทรมารีน่าปราณบุรี ใช้เป็นสถานที่จอดเรือใบและเรือยอช์ต ให้บริการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงเรือก่อสร้างบนเนื้อที่ 32 ไร่จอดเรือในน้ำได้ 107 ลำบนบก 150 ลำจะแล้วเสร็จประมาณเดือนสิงหาคม 2539
ส่วนที่ 2 โครงการภัทรยอร์ชคลับ ปราณบุรีและโรงเรียนการสอนการแล่นใบ เป็นส่วนที่ประกอบด้วยอาคารสโมสร ภัตตาคาร ที่พักตากอากาศและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆเช่น ห้องพัก ห้องประชุม ห้องเรียน ห้องฝึกอบรม การเล่นกีฬาและร้านค้า ในพื้นที่ 10 ไร่ ตรงที่ดินบริเวณปากแม่น้ำที่มีทั้งหมดประมาณ 70 ไร่ ส่วนบริเวณลึกเข้าไปทางแม่น้ำซึ่งเป็นท่าเก็บเรือยอช์ตมีพื้นที่รวม 100 กว่าไร่นอกเหนือจากพื้นที่ติดกันที่เตรียมไว้อีก 200 ไร่เผื่อการขยายโครงการเป็นระยะๆโดยพื้นที่ทั้งหมดจะอาศัยแม่น้ำในการเชื่อมต่อกัน
เมื่อปากน้ำปราณมีความน่าสนใจสำหรับกิจกรรมกีฬาแล่นเรือใบ ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นที่นิยมสำหรับคนรุ่นใหม่ของไทยมากขึ้น อย่างนี้แล้วหัวหินจะเป็นอย่างไร วิโรจน์ยืนยันว่า
“หัวหินจะยังคงใช้เป็นแหล่งพักผ่อน เพราะที่นี่เรามีเป้าหมายหลักสำหรับให้คนไทยเล่นเรือใบ จะปลูกฝังตั้งแต่เด็กจนโตเพราะคนส่วนใหญ่มาพักที่หัวหินนอกจากเล่นน้ำแล้วทั้งวันก็ไม่มีอะไรทำ ถ้าเล่นเรือเป็น ใช้เรือเร็วจากหัวหินมาที่นี่จะใช้เวลาเพียง 15 นาทีเด็กๆหรือแม้แต่ผู้ใหญ่ก็จะมีกิจกรรมที่จะไม่ทำให้เขาคลุกอยู่แต่ในห้องทั้งวัน”
การที่คนไทยยังไม่มีความนิยมกิจกรรมเหล่านี้ทำให้จุดหนึ่งที่วิโรจน์ต้องเน้นมาก คือการเริ่มปลูกฝังจากเด็กๆการให้พ่อแม่เห็นด้วยที่จะส่งลูกเข้าร่วมกิจกรรม การจัดฝึกอบรมหรือจัดแข่งขันทีละรุ่นๆซึ่งนี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้วิโรจน์ต้องค่อยๆพัฒนาโครงการนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยเงินหมุนเวียนในโครงการประมาณ 300 ล้านบาทซึ่งถือเป็นงบการเงินเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไซต์งานของบริษัทที่มีทุนประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทของภัทรเรียลเอสเตทซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ
ถึงตอนนี้คงไม่ผิดที่จะบอกว่า “กีฬาทำให้วิโรจน์มีวันนี้” และวันนี้จึงเป็นวันที่วิโรจน์ได้ทำความฝันของตัวเองให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุด ในการสร้างศูนย์กีฬาทางน้ำให้เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นจากความสนใจทะเลแค่การเล่นน้ำแล้วเลิกพร้อมทั้งได้สร้างกิจกรรมสำหรับการพักผ่อนที่ลงตัวให้กับตัวเขาเองด้วย
|
|
|
|
|