Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2539
นักรบเขียวในชุดสูท             
 





เจเรมี่ เลกเก็ตต์ต่างจากพวกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือพวกกรีนพีชทั่วไปตรงที่เขาไม่ได้ใช้เรือแคนนูกับไม้พายเป็นอาวุธ ขับเรือโจนทะยานเข้าไปขวางลำการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสในน่านน้ำตาฮิติ แต่ผู้อำนวยการกลุ่มกรีนพีช อินเตอร์เนชั่นแนลคนนี้กลับใช้ข้อมูลตัวเลขเป็นอาวุธในการชักจูงให้บรรดาผู้บริหารบริษัทประกันเชื่อว่าสภาวะเรือนกระจกกำลังจะทำให้อุตสาหกรรมของพวกเขาถึงกาลวิบัติ ซึ่งเขาก็ทำสำเร็จเสียด้วย

จนถึงตอนนี้บริษัทประกันยุโรปและเอเชีย 50 แห่งได้ลงนามในข้อตกลงกับองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อร่วมกันพิจารณาปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกและปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เป็นผลมาจากการทำธุรกิจในเวลาเดียวกัน ธนาคารนับโหลก็ร่วมลงนามในข้อตกลงของยูเอ็นดังกล่าวด้วยเช่นกัน เนื่องจากเกรงว่าบริษัททั้งหลายที่ธนาคารปล่อยกู้ไปจะเอาเงินที่ได้ไปปู้ยี่ปู้ยำสภาพแวดล้อมเข้าให้ ซึ่งนับเป็นการบีบให้อุตสาหกรรมต้นเหตุของปัญหาสภาพแวดล้อมต้องหันมาคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

“เจเรมี่ เลกเก็ตต์คือคนสำคัญที่เปลี่ยนแปลงทัศนคติและจิตสำนึกของเรา” รอล์ฟ เกอร์ลิ่ง มหาเศรษฐีเจ้าของเกอร์ลิ่ง กรุ๊ป ออฟ อินชัวรันส์ในเยอรมนีกล่าว

ถึงคำถามเรื่องโลกจะอุ่นขึ้นหรือไม่จะยังมีการถกเถียงกันอยู่ในหมู่นักวิทยาศาสตร์ตะวันตก แต่มีฉันทามติออกมาแล้วในปีที่ผ่านมาโดยองค์กรที่ยูเอ็นให้การสนับสนุนอยู่คือ INTER GOVERNMENTAL PANEL ON CLIMATE CHANGE ประกาศออกมาแล้วว่าในปี 2100 อุณหภูมิทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1-3.5 เซนติเกรดเนื่องจากผลของคาร์บอนไดออกไซด์และสารอื่นๆในชั้นบรรยากาศที่ขับเอาความร้อนเอาไว้ นักวิทยาศาสต์กลุ่มหนึ่งถึงกับเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะก่อให้เกิดเหตุการณ์ความแปรปรวนในชั้นบรรยากาศบ่อยขึ้นอาทิพายุเฮอร์ริเคนและน้ำท่วม

ในอดีตบรรดาอุตสาหกรรมต่างๆถูกประณามว่าเป็นสาเหตุของปัญหาเรือนกระจกแต่เลกเกตต์ก็อาสามาแก้ไขสถานการณ์ในทันท่วงที ซึ่งหลายคนบอกว่าเขาเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดเพราะเขาคืออดีตที่ปรึกษาอุตสาหกรรมน้ำมันและผู้บรรยายในวิทยาลัย LONDON’S IMPERIAL COLLEGE OF SCIENCE, TECHNOLOG Y&MEDICINE อีกแห่งหนึ่งด้วย

แทนที่เลกเก็ตต์จะไปเจรจากับอุตสาหกรรมต้นเหตุโดยตรง เลกเก็ตต์กลับดอดไปคุยกับบรรดาบริษัทประกันแทนโดยยกตัวอย่างกรณีพายุเฮอร์ริเคนแอนดรูว์ในปี 1992 ที่ทำให้อุตสาหกรรมประกันขาดทุนไปถึง 17,000 ล้านดอลลาร์และอีก 8 รายถึงกับหมดตัว หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆเลกเก็ตต์กล่าวว่า อุตสาหกรรมประกันอาจถึงขั้นอวสาน

แม้ว่าตัวบริษัทประกันจะไม่เคยทิ้งน้ำมันลงในทะเลหรือปล่อยก๊าซพิษออกมา แต่บริษัทเหล่านี้ก็มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการทำธุรกิจของอุตสาหกรรมต่างๆที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งที่บริษัทประกันรับปากกับเลกเก็ตต์คือ จะช่วยในแง่ผลิตภัณฑ์ประกันและส่งเสริมรณรงค์การรักษาสิ่งแวดล้อมและปฏิเสธที่จะขายประกันแก่บริษัทที่ทำลายสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีอีกหลายบริษัทที่ยอมซื้อหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อเปิดวิวาทะเรื่องนี้

ก้าวต่อไปของเลกเก็ตต์คือการชักชวนให้นายหน้าค้าประกันและนายธนาคารร่วมกันจัดการกับปัญหาเรือนกระจกอย่างที่เขาบอกว่า “นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่ใช่คนแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่นักอุตสาหกรรมใช่” นอกจากนี้เขายังเรียกร้องให้ช่วยกันรณรงค์เรื่อง “การปฏิวัติพลังแสงอาทิตย์” โดยแนะให้ธนาคารต่างๆปล่อยกู้แก่นักกิจการที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงและส่งเสริมกิจการที่ใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแทน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us