Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2539
“ฮอนด้า” มาแล้วทุกค่ายระวังตัวให้ดี             
 





ชัดเจนมากสำหรับเจตนารมณ์ของฮอนด้า มอเตอร์แห่งประเทศญี่ปุ่นที่หวังจะให้โรงงานประกอบรถยนต์ของฮอนด้าคาร์ส์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) ซึ่งตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นฐานสำคัญของเครือข่ายการผลิตในภูมิภาคนี้

เป็นความตั้งใจอย่างยิ่งยวด ของฮอนด้า มอเตอร์แห่งประเทศญี่ปุ่น ที่จะทำให้ภาพของพิธีเปิดโรงงานประกอบรถยนต์แห่งนี้ออกมายิ่งใหญ่สมกับความสำคัญที่มอบหมายให้

รวมถึงคำกล่าวอย่างหนักแน่นของโนบุฮิโกะ คาวาโมโต้ประธานกรรมการของฮอนด้า มอเตอร์แห่งประเทศญี่ปุ่น

“การเปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่นี้ นับเป็นก้าวสำคัญแห่งการเริ่มต้นยุคใหม่แห่งการพัฒนาประเทศไทย ในฐานะที่เป็นตลาดที่สำคัญในภาคพื้นเอเชีย โรงงานแห่งใหม่นี้ยังมีความสำคัญในการประสานความต้องการระหว่างผู้จัดหาวัตถุดิบในประเทศไทยกับตลาดวัตถุดิบในภูมิภาคเอเชียด้วยการปฏิบัติงานดังกล่าวได้รับการเกื้อหนุนจากหน่วยงานวิจัยและพัฒนาของฮอนด้า รีเสิร์ชแห่งประเทศไทย ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพการผลิตของไทยให้ทัดเทียมระดับโลก”

สำหรับหน่วยงานวิจัยและพัฒนา ซึ่งตั้งขึ้นใหม่นี้แม้ว่าจะไม่ใช่การวิจัยและพัฒนาที่เริ่มจากจุดศูนย์ก็ตาม แต่ก็มีความสำคัญไม่น้อยเพราะจะเป็นหน่วยงานที่ประสานการทำงานต่อเนื่องจากที่ญี่ปุ่นส่งมาให้ เช่นการวิจัยด้านตลาดของภูมิภาคนี้และที่สำคัญเป็นการเน้นการพัฒนาชิ้นส่วนในภูมิภาคเอเชียทั้งปริมาณและคุณภาพ

การตั้งบริษัท เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์จำกัด ขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี 2537 ก็คืออีกส่วนงานหนึ่งของแผนที่จะให้ไทยเป็นตัวหลักในการรุกไปข้างหน้าในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย โดยปัจจุบันฮอนด้าจัดเครือข่ายระดับโลกไว้ 4 กลุ่มคือ ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรปรวมถึงตะวันออกกลางและแอฟริกา ประเทศญี่ปุ่นและสุดท้ายฮอนด้าในภาคพื้นเอเชียและโอเชียเนีย

เอเชี่ยน ฮอนด้าฯ คือตัวแทนจากญี่ปุ่นโดยตรง มีอำนาจตัดสินใจในทันที ทั้งด้านตลาดและการผลิตเป็นเสมือนหัวหน้ากลุ่มของเครือข่ายฮอนด้าในภูมิภาคเอเชีย การเกิดของโรงงานฮอนด้า โรจนะหรือการทำให้โครงการผลิตชิ้นส่วนในภูมิภาคเป็นรูปธรรมก็มาจากความสำเร็จของการจัดกลุ่มโครงสร้างนี้

ก้าวต่อไปก็คือ การขยายระบบการบริหารในประเทศไทยให้กระจายไปทั่วภูมิภาคเอเชียเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารงานในภูมิภาคนี้ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

“Glocalization” คือบัญญัติศัพท์ที่ฮอนด้า คิดค้นขึ้นมาเอง มันเป็นการรวมเอาคำสองคำมาไว้ด้วยกัน หนึ่งคือ Globalization อีกหนึ่งคือ Localization ภายใต้แนวคิดที่จะนำโลกาภิวัฒน์มาสู่ท้องถิ่นหรือภูมิภาคนั้น

ฮอนด้าเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดในการนำโลกถึงกัน ก็คือการเคารพในความหลากหลายและเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นเครือข่ายฮอนด้าในแต่ละแห่งจึงนำข้อดีทั้งด้านวัฒนธรรมและภูมิศาสตร์ของประเทศหรือภูมิภาคนั้นๆมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ฮอนด้ามุ่งหวังที่จะให้เครือข่ายในภูมิภาคต่างๆใช้ประโยชน์จากความมั่งคั่งและความเป็นตัวของตัวเองในฐานะสมาชิกของชุมชนท้องถิ่นให้มากที่สุด

นี่คือความหมายใหม่สำหรับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียซึ่งไทยจะเป็นฐานหลัก

ฮอนด้า ซิตี้ ซีดานคือรถยนต์นั่งโมเดลแรกภายใต้แนวคิดนี้

มาเลเซีย,อินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์,ปากีสถานและไต้หวันคือ 5 ประเทศแรกที่จะรับชิ้นส่วนฮอนด้า ซิตี้ จำนวนหนึ่งจากประเทศไทยไปทำการประกอบจำหน่ายในประเทศของตน นี่คือภาพชัดว่าไทยคือศูนย์กลางในการเปิดจุดยุทธศาสตร์นี้

นอกจากซิตี้ ซีดานแล้วจะมีทยอยตามมาอีกในรอบ 1 ปีจากนี้และฮอนด้าซิตี้ 3 ประตู มีความเป็นไปได้มากที่สุดจะออกมาเผยโฉมต่อจากซีดาน

ฮอนด้าซิตี้ภายใต้โครงการนี้ ทางฮอนด้าได้ยื่นแบบต่อหน่วยงานรัฐไปทั้งสิ้น 9 แบบด้วยกัน ซิตี้ซีดานทั้ง 3 สเปกที่ออกมาให้ยลโฉมแล้วนั้น คือ 3 แบบแรกจากนั้น ซิตี้สามประตูจะเป็นอีก 3 แบบถัดมา ส่วน3 แบบสุดท้ายภายใต้รหัสนี้ ยังอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะเป็นอย่างไรและมีความเป็นไปได้ในการเปิดตลาดหรือไม่ โดย 3 แบบสุดท้ายนี้คาดหมายกันว่าจะเป็นฮอนด้า ซิตี้ 5 ประตู

ในขณะที่งานด้านโรงงานกำลังถูกวางและเดินหน้า ฮอนด้าก็ได้คิดแผนงานด้านตลาดไปพร้อมกัน

ฮอนด้าหวังจะวางสินค้าครอบคลุมตลาดหลักให้ครบทุกระดับไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของสินค้าหรือราคาไล่ลงมาตั้งแต่แอคคอร์ด,ซีวิค ซีดาน,ซีวิค 3 ประตูซึ่งวางราคาไว้ระดับใกล้เคียงกับ ซิตี้ ซีดานและตัวเล็กสุดตามแผนงานในขณะนี้ก็คือซิตี้ 3 ประตู ซึ่งรวมแล้วรถยนต์นั่งฮอนด้าจะมีมากกว่า 10 แบบและราคาตรงนี้เป็นความพยายามที่มีมาตลอดในเรื่องความหลากหลายของสินค้า

อดีตฮอนด้ามีอุปสรรคอยู่ 2 ประการหลักจนทำให้ความหวังที่จะสร้างยอดขายเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยต้องพลาดเป้าหมายไป ทั้งๆที่เข้ามาตลาดนี้ได้ไม่กี่ปีก็ไล่ติดโตโยต้าซึ่งเป็นเจ้าตลาดอย่างชนิดเปิดไฟไล่หลังกันแล้ว

อุปสรรคแรกคือตัวสินค้าที่มีให้เลือกน้อยมาก ตรงนี้ทำให้ในเวลาต่อมาตลาดของฮอนด้าขยายตัวอย่างลำบาก แต่กระนั้นฮอนด้าก็ไม่ถือว่าพ่ายแพ้เสียทีเดียว เพราะเมื่อด้านยอดขายขยายได้ยาก ฮอนด้าที่ไม่ยอมเสียเวลาเลยหันมาเน้นด้านภาพพจน์ขององค์กรและตัวสินค้า ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามเพราะถ้าพูดถึงรถยนต์ญี่ปุ่นด้วยกันแล้ว ความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้ายังอยู่ที่ยี่ห้อฮอนด้ามากกว่ายี่ห้ออื่นใด

อุปสรรคประการที่สองก็คือการที่ฮอนด้าไม่มีโรงงานเป็นของตนเองในประเทศไทย แม้ว่าบางชัน เยนเนอเรล เอเซมบลี จะรับจ้างประกอบให้กับฮอนด้า และฮอนด้าคาร์ส์ฯ ถือหุ้นอยู่ 34% ด้วยนั้น แต่ก็ไม่เพียงพอกับการขยายงานในยุคบุกเบิกนั้น มิหนำซ้ำการขยับขยายโรงงานก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะฮอนด้า ไม่ได้ถือหุ้นใหญ่และการที่จะสร้างโรงงานขึ้นใหม่ด้วยตัวเองก็ติดที่ใบอนุญาตไม่มีเนื่องจากขณะนั้นรัฐยังปิดกั้นรายใหม่อยู่

ความพยายามของฮอนด้ามีมาตลอดจนถึงวันนี้อาจกล่าวได้ว่าอุปสรรคที่จะคอยฉุดความร้อนแรงของฮอนด้าได้หมดไปแล้ว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าฮอนด้าจะบุกทะลวงและวางยุทธวิธีในการศึกครั้งนี้อย่างไร

แต่จะออกมาอย่างไรผู้ร่วมกรำศึกในสมรภูมิที่ถือว่าเดือดที่สุดในภูมิภาคเอเชียแห่งนี้ก็คงต้องเตรียมแผนรับมืออย่างเต็มที่ไม่ว่ารายนั้นจะใหญ่แค่ไหนหรือเล็กเท่าใดก็ตามที

“โรงงานที่โรจนะแห่งนี้กำลังการผลิตเริ่มต้นจะอยู่ที่ 30,000 คันในปีนี้และในปี 2541 กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 60,000 คันต่อปีและสามารถขยายการผลิตเป็น 400 คันต่อวันหรือราว 100,000 คันต่อปีได้” โนบุฮิโกะ คาวาโมโต้กล่าวพร้อมทั้งอธิบายว่า

ด้วยศักยภาพของพื้นที่โรงงานที่มีอยู่พร้อมด้วยแบบแปลนของโรงงานที่วางไว้ สามารถทำให้โรงงานแห่งนี้นอกจากจะสามารถปรับสายการผลิตได้อย่างคล่องตัวแล้ว การเพิ่มกำลังการผลิตก็สามารถทำได้โดยง่ายด้วยเงินลงทุนเพิ่มที่ไม่มากนักด้วย

“ถ้าจะขยายเป็นแสนคันก็คงต้องลงทุนเพิ่มอีก แต่คงไม่ใช่เงินลงทุนมากมายนักเพราะสามารถขยายได้หลายทาง เช่นการเพิ่มเครื่องจักร เพิ่มเวลาการทำงานหรือบุคลากร”

ยอดผลิตแสนคันต่อปีเฉพาะรถยนต์นั่งนั้นถือว่าเป็นปริมาณที่สูงมากทีเดียว ซึ่งถ้าเกิดขึ้นภายในช่วงไม่เกิน 5 ปีจากนี้ คงคาดหมายได้ว่านั่นคือ ฮอนด้า กลายเป็นอันดับหนึ่งของตลาดรถยนต์นั่งเมืองไทยไปแล้ว เสียดายตรงที่ว่าประธานฮอนด้าแห่งญี่ปุ่นยังไม่ระบุว่าแผนงานนี้วางไว้แน่นอนปีไหน

“ขยายในปีไหน ยังไม่อาจบอกได้ แต่เราเชื่อว่าในเวลาไม่กี่ปีจะเพิ่มขึ้นเป็นแสนคัน”   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us