|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มิถุนายน 2539
|
|
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อวันที่ 8-10 พฤษภาคม 2539 ดูเหมือนจะถูกกลบด้วยประเด็นเร้าใจที่นายกรัฐมนตรี บรรหาร ศิลปอาชาสร้างวีระกรรมชิงปิดอภิปรายจนเป็นที่โจษจันท์แล้ว อันที่จริงยังมีประเด็นสำคัญแฝงเร้นซึ่งไม่ควรถูกมองข้าม
ประเด็นที่ว่านี้ คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สุรเกียรติ์ เสถียรไทยในวันสุดท้าย โดยขุนพลจากฝ่ายค้านที่เลือกสรรแล้วว่าเชี่ยวชาญเรื่องการเงินการคลังที่สุด ศุภชัย พาณิชภักดิ์-ไตรรงค์ สุวรรณคีรี-พิเชษฐ์ พันธ์วิชาติกุล จากพรรคประชาธิปัตย์
ปรากฏว่าเนื้อหาของการอภิปรายส่วนใหญ่พาดพิงถึงธนาคารแห่งประเทศไทยสถาบันที่เป็นเสาหลักสำคัญทางเศรษฐกิจไทยด้วยเนื้อหาที่เผ็ดร้อนรุนแรงและยาวนานเป็นประวัติการณ์จนมีการพูดกันว่าระหว่างรัฐมนตรีคลังกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยใครกันแน่ที่เป็นเป้าหมายหลักของบรรดา สส.ฝ่ายค้าน
6 ใน 9 หัวข้อที่ศุภชัยลุกขึ้นอภิปรายเป็นความรับผิดชอบของแบงก์ชาติโดยตรง ได้แก่นโยบายดอกเบี้ยการควบคุมสินเชื่อธนาคาร, การไหลเข้าของเงินเก็งกำไรจากต่างประเทศ, การควบคุมเงินเฟ้อ, ปัญหาดอกเบี้ยเงินกู้แพงสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก, การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ไม่นับประเด็นปัญหาธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ (บีบีซี) ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของแบงก์ชาติโดยตรงซึ่งอภิปรายไปก่อนหน้านี้แล้ว
ไตรรงค์ สุวรรณคีรี วิพากษ์อย่างออกรส “(รัฐมนตรีคลัง) นึกอะไรออกก็มาตรการมา จิปาถะเลอะเทอะ เพราะท่านสุรเกียรติไปให้ความสนิทสนมต่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมากเกินไป ซึ่งแบงก์ชาติก็ชอบเสนอนโยบายแก้ไขปัญหาเพื่อให้ตนเองมีอำนาจ นี่เป็นลักษณะกิเลสมนุษย์ธรรมดา...”
นี่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงพลังของกลุ่มทุนการเงินที่ฝังรากลึกมานานในสังคมไทยนับแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ระบบการเงินแบบปิดทำหน้าที่ป้องกันคู่แข่งขันอย่างสัมฤทธิ์ผล ขณะเดียวกันก็เอื้อต่อการแผ่อิทธิพลในระบบเศรษฐกิจไทยที่ผูกขาดอยู่เพียงไม่กี่ตระกูล
แต่ไหนแต่ไรมาบทบาทของกลุ่มทุนการเงิน “ซึมลึก” ไม่เอิกเกริกซ่อนสาระไว้ภายใต้หน้าฉากที่ราบเรียบเสมือนคลื่นไต้น้ำ ทว่าบทบาทเหล่านี้กำลังเริ่มเผยตัวออกสู่สาธารณะชนมากขึ้น –สิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐสภาเที่ยวนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
ทศวรรษที่ผ่านมา กลุ่มทุนการเงินได้สร้างบรรทัดฐานที่เข้มแข็งในระบบการเงินไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้เริ่มทยอยเข้าสู่สนามการเมือง
ดร.ศุภชัย พาณิชภักดิ์ ลาออกจากแบงก์ชาติลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 8 ปีก่อน ช่วงที่สอบตกก็เป็นกรรมการแบงค์ทหารไทย
รุ่นลายครามก็เช่น บุญชู โรจนเสถียร อดีตกรรมการผู้จัดการแบงก์กรุงเทพ ผู้ขัดตาทัพก่อนชาตรี โสภณพนิชจะปีกแข็ง อำนวย วีรวรรณ อดีตประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพฯ ปัจจุบันหัวหน้าพรรคนำไทย
มาถึงรุ่นล่าสุด ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการแบงก์ไทยพาณิชย์ ลาออกไปเป็นรัฐมนตรีคลังสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพคนสุดท้ายที่ไม่ใช่โสภณพนิช มารับตำแหน่งรัฐมนตรีคมนาคมช่วงท้ายของรัฐบาลชุดก่อนฯลฯ
บังเอิญพรรคการเมืองที่ผูกพันธมิตรกับกลุ่มทุนการเงินได้นั้นส่วนใหญ่เป็นฝ่ายค้านในยุคนี้
ดร.สุรเกียรติ เสถียรไทยขึ้นรับตำแหน่งรัฐมนตรีคลังอย่างโดดเดี่ยว เขาไม่มีสายสัมพันธ์กับกลุ่มทุนการเงินผิดกับรัฐมนตรีคลังคนก่อน ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ที่ทำอะไรก็ดูง่ายไปหมดออกมาตรการแต่ละครั้งตลาดการเงินขานรับอย่างราบรื่น
ดร.สุรเกียรติถูกปฏิกิริยาในเชิงลบทันทีที่รับตำแหน่ง ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทรุดกว่า 70 จุดเมื่อออกมาตรการต่างๆกลุ่มทุนการเงินก็เกิดอาการ “ผิดสำแดง” ดอกเตอร์ทางกฎหมายจากฮาร์วาร์ดคนเดียวของประเทศไทยผู้นี้ยังถูกตั้งข้อหาว่าคุณสมบัติ “ไม่เหมาะสม” ขณะที่อดีตรัฐมนตรีคลังยุคก่อนๆอาทินักเลือกตั้งอย่างประมวล สภาวสุหรือบรรหาร ศิลปอาชาก็ยังไม่โดนหนักข้อเช่นนี้
เมื่อรัฐมนตรีคลังหันไปพึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย วิจิตร สุพินิจผู้ว่าการแบงก์ชาติก็ถูกจัดชั้นโดยกลุ่มทุนการเงินว่าเป็น “พรรคพวก” ของสุรเกียรติ ความเชื่อมั่นที่กลุ่มทุนการเงินเคยมีต่อตัวผู้ว่าการมาตลอด 6 ดปี กลับกลายเป็นความรู้สึกฉันท์ปรปักษ์เข้ามาแทนในช่วงไม่ถึง 7 เดือน
“แต่ก่อนแบงก์ชาติแค่เอ่ยปากขอร้องอะไรคนเขาก็ให้ความร่วมมือดีแต่ตอนนี้ไม่มีใครเขาเชื่อแล้ว เลยต้องออกเป็นคำสั่งเป็นมาตรการออกมา...” ฉากหนึ่งที่ไตรรงค์ อภิปรายสะท้อนภาพความรู้สึกกลุ่มทุนการเงิน
ผลงานที่ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนนี้สร้างให้กับระบบเศรษฐกิจการเงินไทยมาตลอด อาทิผ่อนคลายปริวรรตเงินตรา เปิดระบบการเงินวิเทศธนกิจ (BIBF – Bangkok International Banking Facilities) เพื่อก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาค บัดนี้กลับไม่มีใครพูดถึง
ไม่แปลกอะไรที่วิจิตร สุพินิจจะถูกเป็นเป้าอภิปรายในรัฐสภาควบคู่ไปกับคนนอก-สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อย่างเผ็ดร้อนรุนแรงต่อสาธารณชนตลอด 6 ชั่วโมง
กลุ่มทุนการเงินมีอิทธิพลครอบงำและแผ่รากยึดเศรษฐกิจไทยลึกกว่าที่เห็นมากนักบทบาทในเชิงลึกที่สร้างกิจกรรมหลักทุนการเงินถูกกลุ่มทุนการเงินบทบาทในเชิงลึก
|
|
|
|
|