Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2539
“นินเทนโด 64” เกมวัดชะตา             
 





เด็ก 10 ขวบทุกคนที่เคยเล่นวีดีโอเกมรู้ดีว่า “ซูเปอร์ มาริโอ” นั้นเป็นสุดยอดฮีโร่อันดับหนึ่งเช่นเดียวกับบริษัทผู้สร้างสรรค์คือ “นินเทนโด” ก็มักจะมาเป็นที่หนึ่งเสมอในการเปิดตัวเครื่อง

เล่นเกมรุ่นใหม่ๆออกสู่ตลาด

ตัวอย่างเช่น เมื่อนินเทนโดเปิดตัวซูเปอร์ แฟมิคอมในปี 1991 นักวิเคราะห์ต่างตั้งข้อสงสัยว่าเครื่องเล่นเกมใหม่จะประสบความสำเร็จเหมือนเกมรุ่นก่อนคือ แฟมิคอมซึ่งจำหน่ายได้ถึง 40 ล้านเครื่องทั่วโลกหรือไม่ แต่หลังจากที่ออกวางตลาดไม่นานเสียงร่ำลือก็กล่าวขานกันไปทั่วว่ามาริโอชุดใหม่สามารถเคลื่อนไหวได้ 3 มิติทำให้ซูเปอร์ แฟมิคอม บูมชั่วพริบตากวาดยอดขายไปกว่า 30 ล้านเครื่อง

มาในปีนี้ นินเทนโดเตรียมที่จะเปิดตัวเกมรุ่นใหม่คือ “นินเทนโด 64” ซึ่งคนในวงการอุตสาหกรรมคิดว่าน่าจะทำตลาดได้แต่อาจไม่รุ่งเท่ากับเครื่องรุ่นก่อนๆ

โจเซฟ โอฉะ นักวิเคราะห์ของเมอริลล์ ลินซ์ในโตเกียวชี้ว่าในตลาดเกมขณะนี้ทั้งเซก้าและโซนี่ 2 คู่แข่งตัวกลั่นของนินเทนโดต่างมีผลิตภัณฑ์ฮิตติดตลาด ซึ่งย่อมจะมีผลกระทบต่ออนาคตของนินเทนโด 64 อย่างแน่นอน

การแข่งขันรุนแรงจากเซก้าและโซนี่กำลังเริ่มที่จะมีผลต่อนินเทนโด ดูจากยอดขายประจำปีสิ้นสุด 31 มีนาคม คาดว่าจะตกราว 380,000 ล้านเยนหรือประมาณ 3,650 ล้านดอลลาร์ซึ่งต่ำกว่ายอด 635,000 ล้านเยนที่เคยทำได้ในช่วงปี 1992-93 มากและผลิตภัณฑ์ล่าสุดของนินเทนโด คือเวอร์ช่วล บอยซึ่งวางตลาดในปี 1994 ก็เริ่มชะลอตัวลง

บริษัทไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์กดดันเช่นนี้มาก่อนทศวรรษที่แล้ว นินเทนโดเกือบจะผูกขาดตลาดวิดีโอเกมทั่วโลกขณะที่ตลาดของบริษัททุกวันนี้หดตัวเล็กกว่าในปี 1991 และการแข่งขันก็รุนแรงกว่า จากการคาดการณ์ยอดขายของเมอร์ริลล์ ลินซ์ชี้ว่าคู่แข่งทั้ง 3 รายจะมีส่วนแบ่งตลาดคร่าวๆ เท่ากันก่อนสิ้นทศวรรษนี้

โดยเฉพาะสำหรับนินเทนโดแล้ว จะได้รับส่วนแบ่งชิ้นเค้กนี้ก็ต่อเมื่อผลิตภัณฑ์ตัวใหม่สามารถติดตลาดได้ทั่วโลกแม้ว่า “นินเทนโด 64” จะมีสรรพคุณตามที่เด็กๆต้องการอาทิ ภาพ 3 มิติแต่เครื่องเล่นแซทเทิร์นของเซก้าและเพลย์สเตชั่นของโซนี่ก็มีคุณสมบัติที่ว่านี้เช่นกัน เครื่องเล่นของคู่แข่งทั้งสองรุ่นนี้จะเป็นเกม 32 บิต ขณะที่ซูเปอร์แฟมิคอมของนินเทนโดนั้นเป็นเครื่องขนาด 16 บิตแม้ว่านินเทนมักจะพูดว่ามันไม่เป็นไรเพราะเด็กๆไม่ได้ให้ความสนใจก็ตาม แต่ทว่าเทคโนโลยี 32 บิตนั้นก็จะให้กราฟิกคมชัด น่าสนใจกว่ามีผลทำให้เซก้าและโซนี่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้นับล้านชุด

หากการแข่งขันเอาชนะกันได้แค่เทคโนโลยี นินเทนโด 64 ควรจะกินขาดกวาดคู่แข่งเรียบด้วยชิปขนาด 64 บิต ผลิตภัณฑ์ใหม่ได้รับการพัฒนาร่วมกับซิลิคอนกราฟิก บริษัทคอมพิวเตอร์อเมริกันที่สร้างไดโนเสาร์ในหนัง JURASSIC PARK ทำให้ผู้เล่นรู้สึกอินไปกับเกมและแอกชั่นมันๆได้อย่างสนุกสนาน

ความพยายามที่จะใช้เทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่ามาเป็นแต้มต่อในการแข่งขันเป็นสไตล์ของนินเทนโดอยู่แล้ว “เราไม่ได้เลียนแบบคนอื่นๆ คนอื่นเลียนแบบเกมของนินเทนโด” ฮิโรชิ อิมานิชิ กรรมการผู้จัดการของนินเทนโดยืนยัน “เราต้องการบางอย่างดีกว่าเกมรุ่นก่อนๆ”

แต่ไมโครโปรเซสเซอร์ความเร็วสูงอย่างเดียวย่อมไม่สามารถคว้าชัยชั่วข้ามคืน นินเทนโด 64 จะอยู่หรือไปนั้นขึ้นอยู่กับเกมที่จะใช้เล่นมากกว่าบริษัทผลิตเกมหลายชุดของตัวเอง ขณะที่เจ้าอื่นๆนั้นพัฒนา โดยบริษัทซอฟต์แวร์มืออาชีพจากเดิมในทศวรรษ 1980 เมื่อนินเทนโดครองตลาดอยู่เพียงเจ้าเดียวก็สามารถรักษาความจงรักภักดีของบริษัทซอฟต์แวร์เหล่านี้ไว้ได้แต่ปัจจุบันบางเจ้าได้หันไปผลิตเกมให้แก่คู่แข่งของนินเทนโดแล้ว

เจ้าหน้าที่ของนินเทนโดกล่าวว่าเครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่จะมากับเกมใหม่หลายเกมมีทั้ง “SUPER MARIO 64”, “GOLDENEYE” ซึ่งมาจากภาพยนตร์เจมส์ บอนด์และ “STAR WARS”

ยูทากะ ซูกิยามะ นักวิเคราะห์ของยูบีเอส ซีเคียวริตี้ส์ ในโตเกียวกล่าวว่านินเทนโด 64 จะขายดีได้หากเด็กๆพบว่าเกมชุดใหม่น่าตื่นเต้นกว่าที่ใช้เล่นกับเครื่องเล่นแซทเทิร์นของเซก้าและเพลย์สเตชั่นของโซนี่

ในแง่ราคา เจ้าหน้าที่ของนินเทนโดสัญญาว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะไม่แพง แม้ว่าจะใช้ไมโครโปรเซสเซอร์เหมือนกับคอมพิวเตอร์เวิร์คสเตชั่นของซิลิคอน กราฟิกส์ซึ่งชุดละถึง 10,000 ดอลลาร์ทั้งนี้ นินเทนโด 64 ตั้งราคาขายปลีกไว้ 250 ดอลลาร์ถูกกว่าเครื่องเล่น 32 บิตของคู่แข่งรายอื่นๆ

บริษัทหวังที่จะวางฐานยูสเซอร์ขนาดใหญ่ให้ได้เร็วที่สึดเท่าที่จะเป็นไปได้และทำกำไรจากยอดขายเกม โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ในราว 5 ล้านตลับในช่วงปีแรกและวางแผนที่จะให้ให้ถึงครึ่งล้านชุดในทันทีที่เปิดตัว

นินเทนโดตั้งใจที่จะเปิดตัวเครื่องเล่นเกมใหม่นี้ตั้งแต่คริสต์มาสปีที่แล้ว ทว่ามีอันต้องล้มไปเนื่องจากตัวเกมที่จะใช้เล่นยังไม่พร้อม บริษัทประกาศว่าจะวางตลาดเครื่องที่ว่านี้ในวันที่ 21 เมษายนในตลาดญี่ปุ่น ขณะที่เด็กๆอเมริกัน ยุโรปจะต้องรอไปอีก 2 เดือนให้หลังหรือไม่ก็เล่นเกมของเซก้ากับโซนี่ไปพลางๆ

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าก่อนที่นินเทนโด 64 จะวางตลาดจะมีเครื่องเล่นเกม 32 บิตราว 7-8 ล้านเครื่องตามครัวเรือนทั่วโลกและผู้ปกครองซึ่งเพิ่งจะซื้อเครื่องเล่นแซทเทิร์นหรือเพลย์สเตชั่น ให้ลูกหลานก็ย่อมไม่อยากจะเปลี่ยนเป็นเครื่องอื่นเร็วเกินไปนัก

อย่างไรก็ตาม อิมานิชิกรรมการผู้จัดการบริษัทเชื่อว่าความสงสัยคับข้องใจเกี่ยวกับนินเทนโด 64 จะหมดไปทันทีที่ลูกค้ามีผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอยู่ในมือ “เทคโนโลยีที่ใช้เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติ คนที่ไม่ได้เล่นวิดีโอเกมก็อาจจะเปลี่ยนใจได้”

ทว่า สำหรับนักวิเคราะห์อย่างโอฉะ คำถามไม่ใช่ว่านินเทนโด 64 จะฮิตหรือไม่แต่อยู่ที่ว่านินเทนโดจะสามารถเรียกคืนวันอันรุ่งเรืองอย่างที่เคยเป็นในทศวรรษ 1980 และต้น 90 กลับคืนมาได้หรือไม่เท่านั้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us