กลุ่มธนาคารพาณิชย์

- ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิสำหรับปี 2548 ของกลุ่ม ธ.พ.เท่ากับ 7.97 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% yoy ส่วน EPS ปี 2548 เพิ่มขึ้นเท่ากับ 5.5% yoy

- แต่หากพิจารณากำไรก่อนภาษีเงินได้สำหรับปี 2548 เท่ากับ 9.14 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 21.5% yoy

- ธ.พ. 3 แห่งเริ่มเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งได้แก่ KTB, KBANK และ SCB คิดเป็นมูลค่ารวมเท่ากับ 1.15 หมื่นล้านบาท จึงทำให้กำไรสุทธิรวมของทั้งกลุ่มแสดงการเติบโตในระดับเพียง 6.1% yoy

- KTB จะเริ่มเสียภาษีเงินได้ตั้งแต่งวด 2Q 48 เป็นต้นไป โดยฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิของ KTB ในปี 2548 ที่ระดับ 1.40 หมื่นล้านบาท ยังเติบโตถึง 26.4% yoy แม้จะมีภาระภาษีเงินได้ก็ตาม (ปี 2547 มีการตั้งสำรองหนี้ฯ ในระดับสูงมาก ขณะที่ปี 2548 คาดว่าจะลดลงมาก)

- SCB จะเริ่มเสียภาษีเงินได้ตั้งแต่งวด 3Q 48 เป็นต้นไป โดยยังคงเหลือผลขาดทุนสะสมในระดับ 5 พันล้านบาท ณ สิ้นงวด 1Q 48 โดยฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิของ SCB ในปี 2548 ที่ระดับ 1.64 หมื่นล้านบาท ลดลง 11.1% yoy

- KBANK ได้เริ่มเสียภาษีเงินได้แล้วตั้งแต่งวด 1Q 48 โดยฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิของ KBANK ในปี 2548 ที่ระดับ 1.11 หมื่นล้านบาท ลดลงถึง 27.2% yoy

กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

บริษัทที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีในงวดปี 2548 ได้แก่

- QH โดยคาดว่า Effective Tax Rate อยู่ที่ 27% แต่โดยภาพรวมของกำไรสุทธิ ยังคงแสดงการขยายตัวจากระดับ 965 ล้านบาท ในปี 2547 เป็น 1,121 ล้านบาทในปี 2548

- SIRI คาดว่า Effective Tax Rate อยู่ที่ 27% แต่คาดว่ากำไรสุทธิ จะยังเพิ่มจาก 526 ล้านบาท ในปี 2547 เป็น 611 ล้านบาท ในปี 2548

- LPN เริ่มจ่ายภาษีในช่วง 2H 47 โดยในปี 2547 มี Effective Tax Rate 12.9% แต่ในปี 2548 จะเพิ่มเป็น 25.7% ภาพรวมกำไรสุทธิยังขยายตัวจาก 453 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 686 ล้านบาท

- MK ปี 2548 จะเริ่มจ่ายภาษี คาดว่า Effective Tax Rate อยู่ที่ 27% ทำให้ฐานกำไรทรงตัวอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับปี 2547 ที่ประมาณ 447 ล้านบาท

กลุ่มวัสดุก่อสร้าง

- SSI จะเริ่มจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลในงวดปี 2548 เป็นปีแรก Effective Tax Rate 25% แต่คาดว่าฐานกำไรในปี 2548 จะเพิ่มจาก 5,411 ล้านบาท เป็น 5,659 ล้านบาท

ที่มา : ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส