Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 มิถุนายน 2548
ประชัยยันซิติกฯไม่แปรพักตร์             
 


   
www resources

โฮมเพจ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) - ทีพีไอ

   
search resources

อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย, บมจ.
ประชัย เลี่ยวไพรัตน์
Chemicals and Plastics
ซิติก กรุ๊ป




วานนี้ (27 มิ.ย.) ศาลนัดพร้อมคำร้องของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารลูกหนี้ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (ทีพีไอ) ฉบับลงวันที่ 8 มิ.ย. 2548 ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้บริหารแผนอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าตรวจสอบข้อมูลทางบัญชีทีพีไอ ได้ตามสิทธิของผู้บริหารลูกหนี้เพื่อควบคุมการทำงานของผู้บริหารแผนฯ ในคำสั่งศาลฯ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2545 สำนวนข้อที่ 18

โดยศาลฯ ได้สอบถามผู้บริหารแผนฯ ที่ยืนยันว่า ไม่ได้เจตนาฝ่าฝืนคำสั่งศาลฯ ฉบับวันที่ 27 พ.ย. 2545 แต่กรณีมีปัญหา เพราะสืบเนื่องจากนายประชัย ต้องการตรวจสอบสถานะกิจการ (ดิว ดิลิเจนซ์) ของลูกหนี้ ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 25 พ.ค.48 ในสำนวนตอนที่ 30 ดังนั้นผู้บริหารแผนฯ จึงห้ามไม่ได้พนักงานทีพีไอให้ข้อมูลทั้งหมดของทีพีไอต่อนายประชัย ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ผู้บริหารแผนฯ ดำเนินตามคำสั่งของศาลฯ ลงวันที่ 27 พ.ย.45 ตอนที่ 18

ส่วนการยื่นขอตรวจสอบสถานะกิจการทีพีไอตามที่นายประชัยและพวกรวม 7 คน ในฐานะผู้ค้ำประกัน ที่ยื่นคำร้อง และศาลได้นัดพิจารณาในครั้งนี้ ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ (จพท.) ได้ยืนยันต่อศาลฯ ว่า นายประชัยและพวกรวม 7 เป็นผู้ค้ำประกันหนี้ทีพีไอจริง หากผู้ค้ำประกันจะนำเงินมาชำระหนี้ก็ไม่ขัดข้อง เพราะจะทำให้ลูกหนี้ได้ประโยชน์ในการฟื้นฟูกิจการ และไม่ขัดข้องหากจะมีการตรวจข้อมูลสอบสถานะกิจการ ดังนั้นศาลจึงได้นัดฟังคำสั่งโดยไม่ต้องไต่สวนคำร้องในวันที่ 4 ก.ค.2548

ทางผู้บริหารแผนฯได้ยื่นคัดค้านการทำดิว ดิลิเจนซ์ของนายประชัย โดยอ้างว่าถ้านายประชัยและพวกทำดิว ดิลิเจนซ์ และวางเงินชำระหนี้ที่ศาล 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้นายประชัยสวมสิทธิ์เจ้าหนี้ โดยที่ทีพีไออาจไม่ได้รับการลดหนี้เหมือนแผนฟื้นฟูฯ ที่คลังดูแลอยู่ และอาจจะทำให้ความลับรั่วไหล ซึ่งศาลฯ เห็นว่าเป็นเรื่องอนาคต และอาจมีการแก้ไขแผนฯ เมื่อมีการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ ซึ่งผู้ค้ำประกันหนี้หากหาเงินวางไว้ที่ศาลฯ ได้ น่าจะเป็นผลดีต่อตัวเจ้าหนี้ ส่วนเงินจะมาจากไหนคงไม่สำคัญเท่าไหร่

"ตามกฎหมายแพ่งและอาญา ระบุเกี่ยวกับการชำระหนี้ของผู้ค้ำประกัน จะเกิดขึ้นเมื่อลูกหนี้ผิดนัด ทำให้ผู้ค้ำประกันมีหน้าที่ต้องชำระหนี้แทนลูกหนี้ ส่วนเขาจะนำเงินที่ไหนมา ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าหนี้และลูกหนี้ เมื่อผู้ค้ำประกันชำระหนี้แล้ว ก็มีสิทธิที่จะไล่บี้เอาเงินจากลูกหนี้ได้ โดยรับช่วงสิทธิจากเจ้าหนี้ หากผู้ค้ำประกันมีความสามารถชำระหนี้จริง แต่เขาขอความร่วมมือในการทำดิว ดิลิเจนซ์ เพราะคนที่จะนำเงินเข้ามาต้องการตรวจสอบสถานะกิจการก่อน ซึ่งการออกหุ้นเพิ่มทุนไม่เกี่ยวกับการหาเงินค้ำประกัน" นายกมล ธีรเวชพลกุล รองอธิบดีศาลล้มละลายกลางกล่าว

ด้านทนายความตัวแทนจากธนาคารกรุงเทพ (BBL) ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ กล่าวว่า ทางเจ้าหนี้ไม่ขัดข้องที่นายประชัยจะวางเงินชำระหนี้ที่ศาลในฐานะผู้ค้ำประกัน แต่ขอให้ชำระหนี้เต็มจำนวน โดยไม่สนใจว่านายประชัยจะหาเงินมาชำระหนี้อย่างไร

นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีพีไอในฐานะผู้บริหารลูกหนี้ กล่าวว่า ตนได้ยื่นหนังสือจากสถานทูตจีนให้ศาลฯ เพื่อยืนยันเอกสารการจัดหาเงินกู้ของซิติก กรุ๊ป ประเทศจีนที่ยื่นต่อศาลฯ ก่อนหน้านี้เป็นเอกสารจริง ไม่ใช่เอกสารปลอมดังที่ผู้บริหารแผนฯ ทีพีไอกล่าวหา

ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางไปเยือนประเทศจีนในช่วงต้นก.ค.นี้ ตนไม่แน่ใจว่าจะมีการล็อบบี้ซิติก กรุ๊ปหรือไม่ แต่เชื่อว่าดีลการร่วมทุนระหว่างเรากับซิติก กรุ๊ปไม่น่าจะมีปัญหา เพราะได้มีการติดต่อกันโดยตลอด และการเสนอทำการตรวจสอบสถานะกิจการทีพีไอก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะปตท.ใส่เงินทุนซื้อหุ้นทีพีไอแค่ 2 หมื่นล้านบาท ยังต้องทำดิว ดิลิเจนซ์เลย แต่ซิติก กรุ๊ปจะใส่เงินถึง 1แสนล้านบาท ก็ต้องทำดิว ดิลิเจนซ์ด้วย ซึ่งเป็นการทำเพื่อให้ถูกต้องตามขั้นตอน


"ศิริ" ยันไม่เคยปิดบังข้อมูลผู้บริหารแผนฯ

ดร. ศิริ จิระพงษ์พันธ์ ทีมคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพนักงานทีพีไอได้มีการให้เอกสารทีพีไอแก่นายประชัยมาตลอด โดยไม่ต้องขออนุญาตผู้บริหารแผนฯ และผู้บริหารแผนฯ ไม่มีเจตนาที่จะขัดคำสั่งศาลฯตอนที่ 18 เพราะรู้ว่าลูกหนี้มีสิทธิตรวจสอบผู้บริหารแผนซึ่งเป็นการตรวจสอบบัญชี การใช้จ่ายของผู้บริหารแผนฯ เป็นต้น เพื่อนำไปตรวจสอบการทำงานผู้บริหารแผนฯ แต่ถ้านายประชัยจะขอข้อมูลทั้งหมดที่นอกเหนือจากคำสั่งศาลฯ ตอนที่ 18 แล้ว เพื่อนำไปใช้ทำดิว ดิลิเจนซ์ ทางผู้บริหารแผนฯ คงไม่สามารถมอบให้ได้

ดร.ศิริ กล่าวถึงความคืบหน้าในการประมูลขายหุ้นบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้จะเริ่มเปิดรับราคาประมูลหุ้นทีพีไอโพลีน ในส่วนที่ทีพีไอถืออยู่ 249 ล้านหุ้น หรือประมาณ 30% ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีใครเข้าร่วมประมูลบ้าง แต่มั่นใจว่าหุ้นที่นำออกมาเสนอขายจะได้เงินไม่ต่ำกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือขายได้ในราคาไม่ต่ำกว่า 40 บาทต่อหุ้น แต่หากขายหุ้นได้ต่ำกว่า 40 บาท ก็ขึ้นการตัดสินของเจ้าหนี้ว่าจะใช้สิทธิซื้อหุ้นเองหรือไม่

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่นายประชัยยื่นขอเสนอที่จะนำเงินไปวางไว้ที่ศาลขอชำระหนี้ให้เจ้าหนี้นั้น ธนาคารยังคงเห็นชอบกับแผนการฟื้นฟูกิจการของกระทรวงการคลังอยู่แล้ว โดยแผนที่กระทรวงการคลังสรุปออกมาในส่วนของเจ้าหนี้เป็นแผนที่สมควรแล้ว เหมาะสำหรับสถานการณ์แก้ไขปัญหาของทีพีไอในปัจจุบัน เชื่อว่าเป็นแผนที่กระทรวงการคลังได้ศึกษามาเป็นอย่างดีแล้ว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us