หลังจากยนตรกิจได้สิทธิในการเป็นตัวแทนขายรถยนต์ โรลส์รอยซ์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการมาได้ไม่ถึง
2 ปี สิทธิ ดังกล่าวก็หลุดจากมือของยนตรกิจ เนื่องจากค่ายบีเอ็มดับเบิลยู
เป็นฝ่ายได้สิทธินี้มาครอบครองตามสัญญาการซื้อขายกิจการใน ต่างประเทศที่ให้มีผลตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
สัญญาดังกล่าว ทำให้บีเอ็มดับเบิลยูเป็นผู้ที่มีสิทธิที่จะ แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายรถยนต์สุดหรูยี่ห้อนี้ให้กับใครก็ได้ทั่วโลก
ในประเทศไทย บีเอ็มดับเบิลยูได้ตัดสินใจเลือกให้เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส
เป็นผู้แทนจำหน่ายโรลส์รอยซ์อย่างเป็นทางการ แทนที่ยนตรกิจ
เหตุผลเพราะว่า เอเอเอสนั้นเคยเป็นตัวแทนนำเข้ารถ โรลส์รอยซ์มาขายในประเทศไทย
มาก่อนแล้วเป็นเวลาถึง 11 ปี (2533-2543) ตั้งแต่ก่อนที่ยนตรกิจจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็น
ผู้แทนจำหน่ายจากโฟล์คสวาเกนในเดือนตุลาคม 2543
การได้มาซึ่งสิทธิในการจำหน่ายรถโรลส์รอยซ์ของ ยนตรกิจในครั้งนั้น เป็นผลมาจากการจับมือเป็นพันธมิตรกัน
ระหว่างยนตรกิจกับโฟล์คสวาเกน เยอรมนี โดยยนตรกิจจะเป็น ผู้ทำตลาดรถโฟล์คสวาเกนในประเทศไทย
และมีผลต่อเนื่องทำให้ ยนตรกิจได้สิทธิในการขายรถยนต์ระดับหรูอย่างโรลส์รอยซ์
และเบนท์ลี่ ซึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ยังเป็นสิทธิในครอบครองของโฟล์ค สวาเกน
เยอรมนี ไปด้วยโดยปริยาย
ในครั้งนั้น วิทิต ลีนุตพงษ์ จากค่ายยนตรกิจเองก็ได้บอก ไว้ว่า ได้คุยกับอนุศักดิ์
อินทรภูวศักดิ์ จากเอเอเอส ออโต้เซอร์วิส ให้รับรู้เรียบร้อยแล้ว
พิธีเซ็นสัญญาแต่งตั้งให้ยนตรกิจเป็นผู้แทนจำหน่าย โรลส์รอยซ์ เมื่อเดือนตุลาคม
2543 นั้น จัดขึ้นอย่างหรูหราภายใน สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย โดยมีเอกอัครราชทูตอังกฤษ
เป็นสักขีพยาน เพราะอังกฤษนั้นถือว่ารถโรลส์รอยซ์เป็นรถที่มี ชื่อเสียงที่สุดของประเทศอังกฤษ
และในการเซ็นสัญญาครั้งนั้น ยนตรกิจเองก็รู้ว่า หลังปี 2002 สิทธิในการขายรถโรลส์รอยซ์
จะมีการเปลี่ยนมือจากโฟล์ค สวาเกน มาเป็นของบีเอ็มดับเบิลยู
ก่อนหน้าที่ยนตรกิจจะจับมือกับโฟล์คสวาเกน ยนตรกิจ เคยเป็นผู้ทำตลาดให้กับบีเอ็มดับเบิลยู
ค่ายรถจากเยอรมนีเช่น กัน มาเป็นเวลาถึงกว่า 30 ปี แต่ในระยะหลังผลงานของยนตรกิจ
กลับไม่เป็นที่เข้าตา บีเอ็มดับเบิลยูจึงตัดสินใจเข้ามาลงทุนตั้ง โรงงาน
และทำตลาดภายในประเทศไทยแทนยนตรกิจ
ว่ากันว่าการเข้ามาทำตลาดเองของบีเอ็มดับเบิลยูครั้งนั้น สร้างความเจ็บปวดให้กับยนตรกิจเป็นอย่างยิ่ง
การได้สิทธิในการเป็นตัวแทนจำหน่ายโรลส์รอยซ์ในไทย ของยนตรกิจ เมื่อปี
2543 ทั้งที่รู้ว่าอีกไม่ถึง 2 ปี เจ้าของสิทธินี้ จะต้องมีการเปลี่ยนมือมาเป็นของบีเอ็มดับเบิลยู
เข้าใจว่ายนตรกิจ หวังจะใช้จุดนี้ในการสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับบีเอ็มดับเบิลยูขึ้นมา
ใหม่ เพราะยนตรกิจถึงกับลงทุน 120 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงอาคาร ย่านคลองตัน
ให้เป็นศูนย์บริการ และสำนักงานใหญ่ สำหรับการ ขายรถยี่ห้อนี้โดยเฉพาะ
แต่พอถึงเวลาจริง สิทธิอันนี้ก็ต้องหลุดมือไปอีกครั้ง
ตอนนี้จึงไม่รู้ว่าสายสัมพันธ์ระหว่างยนตรกิจ กับบีเอ็ม ดับเบิลยูนั้น
เป็นเช่นไร