ผมไม่ "อยาก" ทำอะไรอีกต่อไปแล้ว แต่ที่วันนี้ผม "ต้องทำ" เพราะมันเป็นหน้าที่
เป็นคำพูดที่ไตรภพบอกใครๆ บ่อยที่สุด
"สำหรับลูกเมีย สมบัติที่ผมทำไว้มากเกินพอ แต่กับลูกน้องเขายังมีลูกเล็กๆ
ตามๆ กันมา ผมจะทิ้งได้อย่างไร" คำพูดเหล่านี้ ใครๆ ก็พูดได้ แต่ "การกระทำ"
ของเขาต่างหากจะเป็นเครื่องตัดสินว่า "ใจ" ของผู้บริหารเป็นอย่างไร
บอร์น ออพเปอเรชั่น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2527 ด้วยเงินทุนจดทะเบียน
1 ล้านบาท เริ่มแรกมีพนักงานเพียง 4-5 คน มีสำนักงานเล็กๆ อยู่ที่ช่อง 9
อ.ส.ม.ท.
ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ในซอย ส.ธรณินทร์ 2 ถนนประชาอุทิศ เขตห้วยขวาง ปัจจุบัน
บอร์นฯ มีพนักงานประจำออฟฟิศ เป็นทีมงานผลิตรายการ และทีมงานครีเอทีฟ ประมาณ
40 คน ไม่รวมพนักงานไซด์ไลน์ ทีมงานเทคนิค (ช่างกล้อง ช่างตัดต่อ ช่างเสียง)
ซึ่ง บริษัทได้จ้างบุคลากรของบริษัทกันตนาอีกเป็นจำนวนมาก
และได้กลายเป็นบอร์นฯ ผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าของรายการโทรทัศน์ ที่ผู้คนทั่วประเทศรู้จักกันดี
เบื้องหน้าคือไตรภพ เบื้องหลังคือฐานกำลัง ที่ยังคงอยู่กันอย่างเงียบๆ
และ "เจียม ตน" ในตึกแถวสูง 4 ชั้นเล็กๆ หลังเดิมไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นออฟฟิศที่ใหญ่โต
หรูหรา ตาม อาคารหลังใหญ่กลางกรุง อย่างที่หลายคนคาดคิด
หลายคนไม่อยากเชื่อว่าพวกเขาอยู่กันแบบง่ายๆ อย่างนั้น แม้แต่ประวิทย์
มาลีนนท์ เจ้าของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ก็ไม่เชื่อ หากไม่บังเอิญแวะมาหาไตรภพ
ในเช้าวันหนึ่งถึงที่ทำงาน ทันทีที่เจอหน้าไตรภพเขาพูดว่า "นี่เหรอ บอร์นฯ
อะไรเนี่ยพวกคุณ อยู่กันได้ยังไง" ซึ่งคำตอบของไตรภพก็เป็นเพียงเสียงหัวเราะ
แหะๆ ที่อาจจะแปลเป็น คำพูดได้ว่า
"ทำไมล่ะนาย ก็มันใกล้กองถ่ายสะดวกดีออก"
ตึกแถว 4 ชั้นหลังนี้ พื้นที่ 33 ตารางวา ราคาที่ซื้อเมื่อ 10 ปีที่แล้วประมาณ
2.5 ล้านบาท สาเหตุสำคัญที่เขาตัดสินใจซื้อที่ตรงนี้ก็คือ ใกล้โรงถ่ายกันตนา
สถานที่เขาใช้ บริการเพื่ออัดรายการของเขา โดยใช้เวลาจากออฟฟิศไปโรงถ่ายประมาณ
5-10 นาที เท่านั้น ใครบ้างไม่อยากมีที่ทำงานสวยๆ โก้ๆ แต่เมื่องานของบริษัทไม่มีความจำเป็นต้อง
โชว์หน้าร้าน ตราบใดที่ยังอยู่กันได้สบายพอสมควร และคล่องตัวกับการทำงานทุกอย่าง
เขาก็บอกว่าคงอยู่ที่นี่ต่อไป
"มันจะเป็นเครื่องตอกย้ำตัวเราเองว่า เราเริ่มต้นกันแค่นี้ อย่างนี้" ไตรภพบอก
"ผู้จัดการ" สถานที่ดูเรียบง่ายๆ สบายๆ เหมือนบ้าน หลังหนึ่ง ที่มีพี่น้องกำลังแบ่งหน้าที่ช่วยกันทำงาน
ดูง่ายๆ เช่นเดียว กับการแต่งกายที่พนักงานส่วนใหญ่สวมกางเกง ดูกระฉับกระเฉง
สอด คล้องกับงานที่ทำ เช่นเดียวกับไตรภพ ที่วันนั้นแต่งกายมาออฟฟิศ ด้วยเสื้อเชิ้ตปล่อยชายไว้นอกกางเกง
และใส่รองเท้าแตะ KITO ที่ สปอนเซอร์ให้มา และเป็นรองเท้า (เก่าๆ) คู่เดียวกับที่
"ผู้จัดการ" เห็น ใส่เดินไปเดินมาอยู่ในสวนที่บ้าน
เมื่อเดินเข้าข้างใน ชั้นแรกจะเป็นส่วนของโอเปอเรเตอร์ ที่ทำ หน้าที่วุ่นวายมากคอยรับโทรศัพท์
ด้านหลังมีตะกร้าหมี รางวัลใน รายการทไวไลท์โชว์ วางกองอยู่ เช่นเดียวกับกองหนังสือของ
ป.อินทร ปาลิต ที่เพิ่งสั่งซื้อเข้ามาครบชุด เมื่อเดินเลยเข้าไปด้านหลังจะเป็น
ครัวที่ต้องทำอาหารเลี้ยงกองทัพทั้งที่บริษัทและกองถ่าย ชั้น 2 จะเป็นส่วนของห้องเตรียมข้อมูล
ฝ่ายบัญชี และอื่นๆ ในห้องข้อมูลจะมีหนังสือมากมาย โดยเฉพาะหนังสือเรียนของชั้นประถม
1 ถึงชั้นประถม 6 จากหลายสำนักพิมพ์
ห้องทำงานของไตรภพอยู่บนชั้น 3 เป็นห้องเล็กๆ มีโต๊ะทำงานสีดำตัวใหญ่วางอยู่
ด้านหนึ่งมีชุดรับแขกเล็กๆ บนชั้นมีหนังสือจำนวนหนึ่งที่กำลังอ่านวางอยู่เช่น
พ่อแม่ ครูอาจารย์ ของพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ฌาณสัมปันโน) วิธีฝึกสมาธิ
วิปัสสนา ฉบับสมบูรณ์โดย พุทธทาสภิกขุ ธรรมะรอบกองไฟ ศาสตร์แห่งศัพท์ หนังสือ
เหล่านี้ คือ "งาน" ของเขาที่ต้องอ่าน
หนังสือประเภทเดียวกันนี้ ส่วนหนึ่งยังวางกองอยู่กับพื้น และอีกมากอยู่ในลังที่บ้าน
หลังโต๊ะทำงานมีข้าวของวางอยู่เต็มไปหมด เช่น หนังสือ อาจจะแตกต่างกับผู้บริหาร
คนอื่นๆ ตรงที่ในห้องทำงานมีของกุ๊กกิ๊ก เช่น ตุ๊กตา แต่ไม่มีถ้วยรางวัลเกียรติยศใดๆ
วางไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า บริษัทเล็กๆ แห่งนี้คือเจ้าของรางวัลต่างๆ มากมาย
มีเพียง โล่รางวัลของการทำโฮลอินวันได้ ของสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งเท่านั้นเอง
"เขาให้มาทั้งนั้นล่ะครับ" ไตรภพบอกเมื่อ "ผู้จัดการ" กวาดสายตาไปมองของ
ต่างๆ อย่างสนใจ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาตั้งใจวางไว้หลังโต๊ะทำงาน คือ "ไวน์มังคุด"
เพราะต้องการเตือนใจว่า คนไทยส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้ ของที่คนไทยคิดขึ้นมาเอง
จะไม่ค่อยได้ รับการสนใจ ไม่มีใครสนับสนุน แต่หากไวน์ขวดเดียวกันนี้ติดตราของนอกในราคาหลาย
ร้อยเหรียญ ไวน์ขวดนี้อาจจะเป็นที่รู้จักทันที
ปฏิบัติการซื้อ "ใจ" เพื่อให้ได้ "วิญญาณ" ของลูกน้องมาร่วมงาน เป็นสิ่งที่ไตรภพ
ทำมาตลอด เช่น สนับสนุนให้ทุกคนต้องเรียนจบปริญญาตรี หากใครเรียนดี อยากเรียน
ต่อ ไม่มีเงิน มาขอทุนบริษัทๆ ออกให้ฟรี เขาคิดว่าทีคนอื่นไม่รู้จัก เข้ามาเล่นรายการได้เงิน
ก้อนใหญ่ไปตั้งตัวได้ แล้วคนที่ทำงานอยู่กับเขาจะไม่มีโอกาสบ้างเลยหรือ
ใครจะซื้อรถ ไม่มีเงิน กู้บริษัทได้โดยไม่มีดอกเบี้ย และถ้าหากเกิดปัญหาส่วนตัว
ในชีวิตก็จะมีการสั่งสอน และให้ข้อคิดกันตลอด อย่าทำอย่างนั้น อย่าทำอย่างนี้
นี่ต้องเป็นอย่างนี้สิ คือ สิ่งที่เขาคอยเตือนสติทุกคน
ในช่วงเกิดวิกฤติทางการเงินของประเทศ บริษัทส่วนใหญ่แก้ปัญหาด้วยการลดคน
ลดเงินเดือน แต่ที่นี่กลับขึ้นเงินเดือน 10 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุผลที่ว่า
ต้องการให้เกิดขวัญ กำลังใจ และเป็นการให้รางวัลในสิ่งที่ทำดีมาโดยตลอด
"ถ้าเราคิดว่าเราได้ดีในทุกวันนี้ก็ เพราะเขา เราก็จะมีจิตใจดี คิดดี มีเมตตา
พร้อมที่จะให้ แต่เมื่อไรเราคิดว่า มึงอยู่ได้ ทุกวันนี้ก็เพราะกู ถ้าคิดอย่างนี้จิตใจเราก็
จะแย่ การกระทำของเราที่ส่งต่อไปกับ ลูกน้องก็ไม่ดีเหมือนกัน"
จากปี 2527 จนถึงปัจจุบัน บริษัท บอร์นฯ ผลิตรายการมาแล้วทั้งหมดประมาณ
19 รายการ และรายการที่กำลังออก อากาศอยู่ในปัจจุบัน (ต้นเดือนกรกฎาคม 2545)
มีทั้งหมด 4 รายการคือ ทไวไลท์โชว์ รายการวาไรตี้ ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2533
จูคบ็อคส์ เกม เกมโชว์ตั้งแต่ปี 2539 เกมเศรษฐี ซึ่ง เริ่มในปี 2543 และเกมอัจฉริยะที่เกิดขึ้น
เมื่อปี 2544 ที่ผ่านมา
ผู้ถือหุ้นบริษัทปัจจุบันนอกจาก ตัวเขาและภรรยาแล้วก็คือ แม่ และพี่น้อง
ลิมปพัทธ์ทุกคน ไม่มีผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นคน นอกตระกูลเลย
ในอนาคต โครงการใหม่ทุกรายการ ยังจะคงแนวคิดหลักที่ว่า จะต้องเป็น รายการที่มีสาระ
ไม่ทำร้ายสังคม และอาจ จะไม่จำเป็นต้องมี "พี่ต๋อย" ของพวกเขา เป็นผู้ดำเนินรายการอีกต่อไป