ระยะเวลากว่า 20 ปีที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงของคนทีวี ทำให้ไตรภพ ลิมปพัทธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท
บอร์น ออพ เปอเรชั่น มีความเห็นที่ชัดเจนว่า ผู้ที่กุมอนาคตและสามารถ จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยนี้ให้ดีขึ้น
หรือเลวลง ให้คนโง่หรือ ฉลาดได้นั้น คือคนเพียงไม่กี่คนที่เป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์
ทุกช่อง
"สมมติว่า ผมเป็นฮิตเลอร์ขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย ผมสั่งเลย ทุกช่องนับจากนี้เป็นต้นไป
หลังข่าวต้องเป็นรายการความรู้ 2 ชั่วโมงเต็ม และหลังจากนั้นถึงจะเป็นละคร
เป็นเวลา 2 ปี เต็ม เพราะฉะนั้นหลังข่าวทุกๆ ช่องก็จะมีรายการที่ให้ความรู้
หมด จะเป็นเรื่องเกษตร ศีลธรรม หรือครอบครัวก็ได้ แน่นอน เรื่องเหล่านี้มันจะทำให้คนฉลาดขึ้น
อย่างอยู่ที่บ้าน ผมเลี้ยง ไก่ แต่ไม่มีรายการที่มีสาระพวกนี้ดู หรือถ้ามีก็จะเป็นรายการ
ที่ออกตอนกลางวัน เที่ยง บ่าย หรือ 6 โมงเช้า แต่ช่วงเวลาที่ เราว่าง ทำมาหากินเสร็จแล้วมีเวลานั่งดูไม่มีให้ดู
เพราะช่วง ทำเงินทำทองของสถานี เขามีแต่ละคร และละคร แต่ถ้าคนดู ได้ดูรายการเกี่ยวกับการเลี้ยงไก่
หรือรายการที่มีสาระอื่นๆ แน่นอนชีวิตคนก็จะพัฒนา"
เขาเชื่อว่าถ้ารายการเปลี่ยน ประเทศก็จะเปลี่ยน แล้วพอคนมันเปลี่ยน ถึงแม้ต่อไปเขาจะถูกปลดจากอำนาจ
ไปแล้ว และมีการเปลี่ยนช่วงเวลาดังกล่าว ให้กลับมาเป็น ละครอีก คนก็จะรับไม่ได้แล้ว
เพราะเขาได้มีโอกาสเรียนรู้ แล้วว่า อะไรดี อะไรไม่ดี
ไตรภพได้วิจารณ์รายการละครเมืองไทยไว้อย่าง น่าสนใจว่า "บ้านเราละคร 1
เรื่องทำซ้ำแล้วซ้ำอีก 5-6 ครั้ง ยังมีเลย การทำละคร 5 หนในช่วงเวลาไม่ถึง
20 ปี คือ ประมาณ 4 ปีทำใหม่หนึ่งครั้ง ผลก็คือ บทประพันธ์เรื่องใหม่ ไม่เกิด
เพราะว่าคนเอาของเก่ามาวนทำเสมอ แล้วก็เปลี่ยน ความอัพเดทเฉยๆ เช่นเรื่องนี้เคยเกิดใน
พ.ศ.นั้น ยุคนั้น เมื่อ ก่อนพระเอกเคยขี่รถฟอร์ดมัสแตง คุณเปลี่ยนมาเป็นขี่บีเอ็ม
ดับบลิว 520i พระเอกเคยไปกินข้าวเย็นที่มูแลงรูจ ฮอลล์ ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นพระเอกไปกินข้าวเย็นที่อาร์ซีเอ
ถามว่า ถ้าทำเช่นนั้นอะไรจะเกิดขึ้น ใครจะเป็นนักเขียน เป็นก็ไม่รุ่ง เพราะเขาไม่เอางานใหม่
งานเก่าดีกว่าเสมอ สมมติว่าผมเคย ดูเรื่องนี้ตอนเป็นเด็กอายุ 15 ปี ตอนนี้ผมอายุ
35 ปี ผมก็ ยังดูละครเรื่องนี้อยู่ และผมต้องดูเองมาถึง 4 ครั้ง ถามว่า สมองผมจะพัฒนาไปแค่ไหน
ก็ไม่พัฒนาเหมือนกัน มันเป็น เช่นนั้นจริงๆ ดังนั้น ถ้าคุณจะมาถามเรื่องความเจริญของ
สื่อมวลชนทางสาขานี้ มีไม่กี่คนเท่านั้นที่คุมอยู่ ให้เป็นอย่างไร ก็ได้
ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเจ้าของสถานี ไม่ใช่ผู้ผลิต เพราะเขามีสิทธิที่จะเลือกเรา
ว่าเอาหรือไม่เอา อย่างช่อง 3 ไม่เคยให้เวลาก่อนข่าวใคร เกมเศรษฐี เป็นรายการควิซโชว์
รายการเดียวที่มีโอกาสไปโผล่ในช่วงเวลาก่อนข่าว เวลาเดิม ของสถานีในตอนนั้น
เขาเสนอเปาปุนจิ้น และเจ้าหญิง กำมะลอ ซึ่งเสนอ 7 วันรวด พอผมเสนอเกมเศรษฐีเข้าไป
เขาก็เลยให้มา 2 วัน"
คงด้วยเพราะมองเห็นปัญหาดังกล่าว ที่จะเชื่อมโยง เป็นลูกโซ่ไปสู่ภาพปัญหาใหญ่ของประเทศ
ไตรภพเลย มีความตั้งใจที่จะไปมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลง
ในช่วงหนึ่ง บริษัทบอร์นฯ เคยเข้าไปซื้อหุ้นในไอทีวี และไตรภพเคยเป็นผู้อำนวยการไอทีวีคนแรก
แต่หลังจาก เกิดปัญหาที่ไม่ลงตัวบางอย่าง เขาก็เลยถอยออกมา และเป็นเจ้าแรกที่ขายหุ้นไอทีวีให้กับธนาคารไทยพาณิชย์
อีกไม่นาน หากสถานีโทรทัศน์ช่องใหม่เกิดขึ้นได้จริง เขาจะพยายามเข้าไปเป็นผู้มีบทบาทตรงนั้นอีกครั้งหรือไม่
น่าติดตามทีเดียว