ปริญสิริเปิดแผนร่วมทุนกลุ่มยูนิเวนเจอร์ของตระกูล ณ ระนอง ลุยบุกทำเลสุวรรณภูมิที่ดินของยูนิเวนเจอร์ เน้นโครงการระดับกลางลงล่าง ระดับราคา 2-8 ล้านบาท พร้อมเตรียมพบกับโครงการคอนโดไซเบอร์ ลาดพร้าว 44 เจาะลูกค้าเช่าอพาร์ตเมนต์ คาดเปิดขายปลายปีนี้ มั่นใจยอดรับรู้รายได้ทั้งปีตามเป้า 2,300 ล้านบาท แจงผังโครงสร้างรายได้มาจากตลาดบ้านระดับกลางลงล่าง ตั้งเป้าเฉลี่ยแต่ละปีเปิด 10-13 โครงการต่อเนื่อง
จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลต่อเนื่องถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ ทั้งเรื่องราคาน้ำมันที่มีผลต่อต้นทุน การขนส่ง ราคาวัสดุก่อสร้างที่ขยับขึ้น ได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ขณะเดียวกันการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการ โดยการเป็นพันธมิตรกับกลุ่มที่มีศักยภาพ เป็นหนทางของการส่งเสริมการทำธุรกิจให้เติบโต
บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในหลายๆ บริษัท ที่เล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายตลาดที่อยู่อาศัย โดยการร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งอย่างบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด ที่มีแม่ทัพใหญ่อย่างนางอรฤดี ณ ระนอง ประธานอำนวยการ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน)
นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารโครงการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการร่วมลงทุนว่า โครงการแรกที่จะเริ่มพัฒนาโครงการคือ ที่ดินบริเวณใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่ดินของบริษัทยูนิเวนเจอร์ฯ ที่ได้จากการประนอมหนี้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง โดยรูปแบบของการพัฒนาจะเป็นทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ บนเนื้อที่ประมาณ 40-50 ไร่ ห่างจากสนามบินประมาณ 2-3 กิโลเมตร โดยจะเปิดโครงการที่อยู่อาศัยตลาดระดับกลาง ราคาระหว่าง 2-8 ล้านบาท อาทิ บ้านเดี่ยว 4-7 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 2-4 ล้านบาท
"บริษัทคงจะไปโซนเทพารักษ์ บางนามากขึ้น เนื่องจากเป็นทำเลที่มีศักยภาพอีกแห่งหนึ่ง และรัฐบาลได้ลงทุนทางด้านระบบสาธารณูปโภคจำนวนมาก เพื่อรองรับการเปิดตัวของสนามบิน ทั้งนี้ความร่วมมือของทั้งสองบริษัทจะเป็นการเกื้อหนุนในการดำเนินธุรกิจ โดยทางยูนิเวนเจอร์มีความเชี่ยวชาญในการจัดซื้อทรัพย์สิน การบริหารเงินสด ขณะที่บริษัทชำนาญในการพัฒนาโครงการ กลุ่มลูกค้าจะเป็นคนทำงานในสนามบิน และยังมีช่องว่างในการทำตลาด เนื่องจากนักพัฒนาที่เปิดโครงการไปก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เปิดขายโครงการระดับสูง แต่มีบางรายเริ่มลงมาเล่นตลาดกลางในย่านสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ปริญสิริและยูนิเวนเจอร์มั่นใจในการทำโครงการ และคิดว่าไม่ได้มาช้ากว่าคู่แข่ง คาดว่าการทำโครงการนี้จะเริ่มส่งผลต่อยอดรับรู้รายได้ประมาณปี 2549" นายชัยวัฒน์กล่าว
ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า บริษัท ยูนิเวนเจอร์ฯ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2537 ทุนจดทะเบียน 944.52 ล้านบาท มีผู้อำนาลงนาม คือ นาย โรเบิร์ต พอล วอเร็นซ์ คอลลินซ์, นายเอียน สจ๊อต ดอนนาคี, นายทรงชัย โสตถิภาพกุล, นางอรฤดี ณ ระนอง, นายธนพล ศิริธนชัย สองในห้าคนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ถือหุ้น 4.99% (ณ 30 ก.ย.47)
สำหรับแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัย บริษัทคงจะให้เน้นทำตลาดบ้านระดับกลางลงล่างมากขึ้น เพื่อรองรับกับตลาดที่ขยายตัวจากเดิมที่ก่อนหน้านี้โครงการที่เปิดตัวจะเป็นตลาดบน เช่น แบรนด์สิริทาวรา บ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม ราคา 14 ล้านบาทขึ้นไป, แบรนด์ ปริญสิริ บ้านเดี่ยวระดับราคา 8-14 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์ดังกล่าว จะมีส่วนแบ่งรายได้จากการขายประมาณ 60-70% และค่อยปรับลดลงมาเหลือระดับ 20% แต่ไปเพิ่มส่วนแบ่งในแบรนด์ปริญญดา บ้านเดี่ยวระดับ 4-8 ล้านบาท และปริญลักษณ์ระดับราคา 2-5 ล้านบาท จะมีส่วนแบ่งประมาณ 80% และแนวโน้มรายได้ของแบรนด์ ปริญญดาและปริญลักษณ์ จะมีอัตราเติบโตมากขึ้น
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมลาดพร้าว 44 ขณะนี้ได้บริษัทผู้รับเหมาแล้ว และคาดว่าจะเปิดการขายประมาณไตรมาสสุดท้ายของปีหรือช่วงต้นปี 2549 เนื่องจากต้องการให้การก่อสร้างมีความคืบหน้าระดับ 60-70% ก่อน ทั้งนี้โครงการมีมูลค่าประมาณ 239 ล้านบาท สูง 9 ชั้น จำนวน 200 ยูนิต ระดับราคา 1 ล้านเศษ ถึง 2 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ 36-80 ตร.ม. โดยจะมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่เช่าห้องพักอพาร์ตเมนต์อยู่ ซึ่งในทำเลดังกล่าวมีอาคารอพาร์ตเมนต์จำนวนมาก คาดว่าโครงการคอนโดฯ จะสามารถรองรับ กลุ่มลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนจากการเช่ามาซื้อโครงการ
"การแข่งขันในทำเลนี้ก็มี แต่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะแตกต่างกับโครงการของศุภาลัย และแอล.พี.เอ็น.นอกจากนี้ยังได้เจรจากับบริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมครัวเรือน จำกัด เพื่อนำเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่ง และที่เป็นจุดขายคือ เป็นโครงการไซเบอร์ที่มีระบบทางด้านอินเตอร์รองรับทั้งตึก เรียกว่าเต็มรูปแบบทั้งโครงการ" นายชัยวัฒน์กล่าว
ในส่วนของยอดการขาย คาดว่าทั้งปีจะมียอดรับรู้รายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 2,300 ล้านบาท จากยอดขายรวม 2,600 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 400 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเติบโตถึง 300% และคาดว่าไตรมาส 2 ยอดรับรู้รายได้จะมีประมาณ 30-40%
สำหรับผลงานของบริษัท ปริญสิริ ในปี 2548 มีโครงการที่เปิดการขายและโครงการต่อเนื่อง รวมมูลค่า 4,997 ล้านบาท จำนวน 924 หน่วย แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวมูลค่ารวม 3,988 ล้าน บาท 614 หน่วย และโครงการทาวน์เฮาส์ 1,009 ล้านบาท รวม 310 หน่วย
|