"พาณิชย์" หันหัวไล่ทุบห้างไทย ร่อนหนังสือถึง "เซ็นทรัล"
ขอให้ชี้แจง กรณีซัปพลายเออร์ร้องถูกบังคับให้ส่งสินค้าที่ศูนย์เติมและกระจายสินค้าแบบไม่เป็นธรรม
"เนวิน" เรียกให้ปากคำต้นเดือนส.ค.นี้
หากแจงไม่เคลียร์เจอฟันไม่เลี้ยงแน่ ยืนยันทั้ง 4 ยักษ์ค้าปลีก ทั้งเซ็นทรัลจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน
ไม่มีการเลือกปฏิบัติ เตรียม ลงดาบ "เซเว่นอีเลฟเว่น" เป็นรายต่อไป
หลังสืบพบมีการเรียกเก็บค่า Entrance Fee ส่วนการสอบกรณี 4 ยักษ์ค้าปลีกตกแต่งบัญชีตบตารัฐ
วันนี้รู้ผล แฉเบื้องต้นทั้ง 4 รายลงบัญชีเป็นรายได้อื่นๆ เกือบ 2,000 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กรมการค้าภายใน ในฐานะเลขานุ-การคณะอนุกรรมการแข่งขันทาง
การค้า ที่มีนายเนวิน ชิดชอบ รัฐ-
มนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ได้ทำหนังสือไปยังห้าง สรรพสินค้าเซ็นทรัล
เพื่อให้ชี้แจงกรณีที่ผู้ผลิตสินค้า (ซัปพลายเออร์) ร้องเรียนมายังกระทรวงพาณิชย์ว่า
เซ็นทรัลบังคับให้ซัปพลายเออร์ต้อง ส่งสินค้าไปยังศูนย์เติมและกระจาย สินค้า
(Replenishment Center : RC) แต่เพียงแห่งเดียว จากเดิมที่ซัปพลายเออร์สามารถส่งสินค้าไปยังสาขาต่างๆ
ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลได้ โดยการส่งหนังสือไปเพื่อให้เซ็นทรัลชี้แจงกลับมานั้น
เนื่องจากในเบื้องต้นคณะอนุกรรมการฯ เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายมีพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม
เพราะใช้อำนาจที่มีอยู่บังคับให้ซัปพลายเออร์ต้องปฏิบัติตาม โดยไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น
แหล่งข่าวกล่าวว่า หลังจากที่เซ็นทรัลมีหนังสือชี้แจงมายังคณะอนุกรรมการฯ
แล้ว นาย เนวิน
จะได้เชิญผู้บริหารเซ็นทรัลเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงอีกครั้งภายในต้นเดือนสิงหาคม
2545 นี้ หากชี้แจงไม่ชัดเจน กระทรวงพาณิชย์ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้า
ซึ่งจะดำเนินการควบคู่กันไปกับกรณีของร้านค้าปลีกรายใหญ่ต่างชาติทั้ง 4
รายคือ เทสโก้โลตัส แม็คโคร บิ๊กซี และคาร์ฟูร์ โดยไม่จำเป็นต้องให้จัดการกับทั้ง
4 รายเสร็จก่อนแล้วจึงจะจัดการ กับเซ็นทรัล
"เชื่อว่าการแก้ปัญหากรณีเซ็นทรัลคงจะง่าย กว่ายักษ์ค้าปลีกทั้ง 4
ราย เพราะเป็นคนไทยเหมือนกันจึงน่าจะตกลงกันได้ง่ายกว่า" แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับซัปพลายเออร์ที่ร้องเรียนมายังกระทรวงพาณิชย์กรณีของเซ็นทรัลนั้น
ส่วนใหญ่ เป็นซัปพลายเออร์ที่ผลิตสินค้าอุปโภค เช่น เครื่องหนัง และเสื้อผ้า
เป็นต้น
และซัปพลายเออร์เหล่านี้ถูกบังคับให้เข้าสู่ระบบ RC ของเซ็นทรัล โดยจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขภายใต้ระบบ
RC ที่เซ็นทรัลกำหนด คือ จากเดิมซัปพลายเออร์จะเป็นผู้ขนส่งสินค้าไปส่งยังสาขาต่างๆ
ของเซ็นทรัล แต่หลังจากนำระบบ RC มาใช้ ซัปพลายเออร์จะต้องส่งสินค้ามาที่
RC ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการรับสินค้าจากซัปพลายเออร์ โดย
ทางเซ็นทรัลจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากซัปพลายเออร์ในการนำสินค้าไปส่งต่อตามสาขา
ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บนี้ ทำให้ต้นทุนของซัปพลายเออร์เพิ่มขึ้นจากเดิม
10-30 เท่า อย่างไรก็ตาม
ในกรณีนี้ทางเซ็นทรัลได้ชี้แจงว่าเป็นการปรับระบบการขนส่งสินค้าของเซ็นทรัล
เพื่อให้ง่ายต่อการนำสินค้าจากซัปพลาย เออร์ไปส่งยังสาขาต่างๆ ของเซ็นทรัล
ส่วนการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นรายชิ้นนั้น เป็น การเรียกเก็บตามราคาของสินค้าที่ขนส่ง
โดยสินค้าใดราคาถูกก็จะเก็บถูก สินค้าใดมีราคาแพง ก็จะเก็บแพง
ซึ่งการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายนี้ถือว่าเหมาะสม เพราะจะเป็นการรับประกันสินค้านั้นๆ
ทั้ง 100% จับตาเซเว่นอีเลฟเว่น แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการตรวจสอบ
พบว่าร้านสะดวกซื้ออย่างเช่นเซเว่นอีเลฟเว่น ได้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสินค้าแรกเข้า
(Entrance Fee) กับซัปพลายเออร์ในการนำสินค้าเข้าไปจำหน่าย ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ
เห็น
ว่าเข้าข่ายการมีพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมเช่นเดียวกับกรณีของร้านค้าปลีกรายใหญ่
และกระทรวงพาณิชย์จะต้องดำเนินการโดยเรียกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน
แต่ขณะนี้ยังไม่มีซัปพลายเออร์รายใดร้องเรียนมา จึงยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ
ได้ ฟันตกแต่งบัญชีวันนี้ นายเนวินกล่าวว่า กรณีการตรวจสอบงบการเงินของร้านค้าปลีกรายใหญ่
4 ราย
หลังจากมีผู้ร้องเรียนให้เข้าไปตรวจสอบ เพราะอาจขัดกับพ.ร.บ.การบัญชี โดยมีข้อสงสัยชวนให้เชื่อว่าทั้ง
4 รายมีการตกแต่งบัญชีนั้น ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ จะหารือกับกรมทะเบียนการค้า
เพื่อหาแนวทางจัดการกับเรื่องดังกล่าว หากพบว่ามีการแต่งบัญชีจริงคงต้องเอาผิดกับทั้งผู้สอบบัญชี
ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติที่มีชื่อเสียง 5 อันดับแรกของโลก และนิติบุคคลเจ้าของกิจการ
ทั้ง 4
รายตามกฎหมายแน่นอน รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าทั้ง
4 ราย ได้เพิ่มเติมรายการที่เป็น รายได้อื่นในงบการเงินเป็นจำนวนเงินมหาศาล
โดยในปี 2543 แม็คโคร
มีรายได้อื่นสูงถึง 263 ล้านบาทจากรายได้จากการขาย 35,765 ล้านบาท เทสโก้โลตัส
796 ล้านบาทจากยอดขาย 33,078 ล้านบาท บิ๊กซี 777 ล้านบาทจากยอดขาย 12,084
ล้านบาท และคาร์ฟูร์ 106
ล้านบาทจากยอดขาย 10,906 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ควรลงบัญชีรายได้เฉพาะในส่วนที่เป็นรายได้จากการขายสินค้า
ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของการทำธุรกิจเท่านั้น
และเป็นไปได้ว่ารายได้อื่นดังกล่าวอาจมาจากค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ทั้ง 4
รายเรียกเก็บจากซัปพลายเออร์ เช่น ค่าธรรมเนียมสินค้าแรกเข้า เป็นต้น ดึงหอการค้าช่วยเออาร์ไทย
นายเนวินกล่าวอีกว่า
ได้เชิญนายสมภพ อมาตยกุล รองประธานหอการค้าไทย นายอนุชัย วีรพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ
บริษัท รวมค้าปลีกเข้าแข็ง จำกัด (เออาร์ไทย) มาหารือถึงการ
เตรียมความพร้อมในการเข้าเป็นสาขาเออาร์ไทย ของหอการค้าจังหวัดทั้ง 75 จังหวัด
โดยได้กำหนดว่าภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2545 จะต้อง
มีการเซ็นสัญญาเข้าเป็นสาขาให้แล้วเสร็จเพื่อจะได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่
16 สิงหาคมเป็นต้นไป โดยในเบื้องต้นหอการค้าไทยแจ้งว่ามีความ พร้อมประมาณ
80-90% เนื่องจากได้มีการวางระบบอี-
คอมเมิร์ซมาใช้ และมีเว็บไซต์ของหอการค้าไทยอยู่แล้ว เหลือเพียงด้านบุคลากร
ซึ่งเมื่อวางตัวบุคลากรได้แล้ว จะมีการเชิญเข้าคอร์สฝึกอบรมตามกำหนดการที่เออาร์ไทยกำหนดขึ้น