Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 กรกฎาคม 2545
วิเคราะห์ศักยภาพผู้นำSMEsของโลก จีนดาวรุ่ง-ญี่ปุ่นถดถอย-ไทยตามหลัง             
 

   
related stories

นักวิชาการชี้ท่ามกลางปัญหาSMEsไทยมีทางออก

   
search resources

SMEs




นักวิชาการธรรมศาสตร์วิเคราะห์ศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs จีน-ญี่ปุ่น-ไทย พบดาวรุ่งเดิมอย่างญี่ปุ่นเริ่มลดบทบาทลงอันเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจและข้อจำกัดค่าแรงที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน

ส่งผลแรงงานไหลออกนอกประเทศเพิ่มมากขึ้น ขณะที่จีนเริ่มส่อแววรุ่ง SMEs พัฒนาศักยภาพการผลิตโตวันโตคืน ชี้ไทยต้องรีบก้าวกระโดดให้ทันประเทศเพื่อนบ้าน รองศาสตราจารย์ ไว จามรมาน

ประธานโครงการปริญญาโท บริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ กล่าวเปรียบเทียบการทำงานของผู้ประกอบการในระดับกลางและขนาดย่อมของประเทศจีน-

ญี่ปุ่นเมื่อเทียบกับประเทศไทยจากประสบการณ์ที่ได้เดินทางไปสอนในประเทศญี่ปุ่นว่าทั้งประเทศญี่ปุ่น และจีนผู้ประกอบการของทั้ง 2 ประเทศมีการพัฒนาไปอย่างมากและก้าวหน้ากว่า

ประเทศไทยหลายเท่า โดยพบว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนัก ส่วนหนึ่งเป็น เพราะภาครัฐยังไม่นำประเด็นทางเศรษฐกิจเข้าในการประชุมสภามาก

นักส่งผลให้ผู้ประกอบการยังไม่แน่ใจในนโยบายของภาครัฐเท่า ที่ควร ยิ่งเมื่อต้องเจอกับการขยาย ตัวของเศรษฐกิจจีนที่ทวีความรุน แรงมากขึ้นทุกวันญี่ปุ่นตกอยู่สภาพ ที่ไม่ดีนัก

ในขณะที่จีนเริ่มเข้ามามีบท บาทในธุรกิจส่งออกมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะแข่งขันในตลาดเดิมของญี่ปุ่น ทั้งผู้ประกอบการก็เริ่มย้ายฐาน การผลิตไปในจีน

ผลที่ตามมาคือญี่ปุ่นเริ่มมีปัญหาการว่างงานเป็นประเด็นหลักให้เศรษฐกิจญี่ปุ่น ยังไม่ฟื้นตัว "เป็นไปได้ว่าขณะนี้ญี่ปุ่นมีปัญหาในเรื่องโครงสร้าง ญี่ปุ่นกลาย เป็นสังคมของคนชรา ความสามารถ

ลดลงอันเนื่องจากไม่มีคนรุ่นใหม่ มีคนแก่มากขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วเด็กหนุ่ม 1 คนต้องรับภาระคน 3 คน ส่งผลให้คนหนุ่มไม่อยากทำงาน ทรัพยากรคนจึงไหลไปที่จีนมากยิ่งขึ้นŽ หากจะมองในกลุ่มภาคธุรกิจ

SMEs ของจีนแล้วจะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการของจีนเริ่มพัฒนาความสามารถในการผลิตอะไหล่ซึ่ง อาจมีคุณภาพไม่ดีนักแต่สามารถทดแทนได้อย่างดีกับสินค้าของญี่ปุ่นได้มากยิ่งขึ้นทุกวัน ซึ่งเรื่องนี้

เป็นประเด็นที่น่าจับตามอง โดยจีน สามารถผลิตเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรเช่นเดียวกับที่ประเทศไทยเราใช้แต่จีนสามารถผลิตได้ในราคาถูกกว่าไทยครึ่งหนึ่ง

ส่งผลให้สินค้าตลอดจนเครื่องใช้ไฟฟ้าของจีนเริ่มไหลเข้ามาในประทศไทย เรามากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าอีกไม่นาน สินค้าของจีนจะเริ่มเข้ามาท่วมตลาด เอเชียตอนใต้ อาจารย์ ไว

กล่าวว่าความได้เปรียบทางด้านศักยภาพที่ส่งผลให้จีนเริ่มเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจีนดำเนินนโยบายไม่เหมือนประเทศอื่นโดยไม่ได้เริ่มจากอุตสาหกรรมการผลิต

เพื่อทดแทนการนำเข้า (ทั้งที่เป็นเรื่องที่ผิด) แต่จีนเริ่มที่อุตสาหกรรม การผลิตเพื่อการส่งออกเลยจีนดำเนินนโยบายการส่งออกเมื่อเริ่มพัฒนาอุตสหากรรมทำให้จีนมีความได้เปรียบประเทศอื่น

โดยปัจจุบันนี้ประชากรจีนอยู่ในภาคอุตสาหกรรมกว่า 200 ล้านคน จุดเริ่มต้นของการพัฒนา การผลิตของผู้ประกอบการของ จีนเริ่มจากอุตสาหกรรมประกอบของเล่น สิ่งทอ

และพัฒนามาสู่อุตสาหกรรมประกอบเครื่องไฟฟ้า มาในปัจจุบันจีนเอาจริงเอาจังกับอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่า 3 อุตสาหกรรมนี้จีนพัฒนาไปไกลมาก อาจารย์ ไว

กล่าวว่าพื้นฐานการพัฒนาที่สำคัญของผู้ประกอบการ SMEs อยู่ที่การพัฒนาจะเห็นได้จีนมีมหาวิยาลัยเป็นจำนวนมากที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพกำลังคนของประเทศ

พื้นฐานของวิศวกรของจีนจึงอยู่ในระดับดี เมื่อบวกความเข้มแข็งในเรื่องอุตสาหกรรมและการปรับตัวที่เป็นไปอย่างรวดเร็วของจีนทำให้จีนได้เปรียบประเทศอื่น

ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถผลิตชิ้นส่วนเพื่อส่งให้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐาน

ในขณะที่ญี่ปุ่นปัจจุบันผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมขนาดกลาง และขนาดย่อมประสบกับปัญหาค่าแรงที่สูงมาก และเป็นจุดที่ทำให้ญี่ปุ่นเสียเปรียบประเทศอื่นอย่างมาก

เพราะแรงงานเริ่มไหลออกไปต่างประเทศเนื่องจากนักลงทุนหนีค่าแรงที่แพง เมื่อธุรกิจขนาดใหญ่หนีไปต่างประเทศ ส่งผลให้ SMEs ซึ่งเป็นอุต-

สาหกรรมต่อเนื่องก็เริ่มตามออกไปตั้งโรงงานตามธุรกิจขนาดใหญ่ด้วยต่างกับประเทศจีนที่ค่าแรงถูกและพัฒนาเทคโนโลยีได้รวดเร็วเป็นจุดแข็ง "ทางออกที่ญี่ปุ่นจะทำได้ ในขณะนี้คือต้องสร้างธุรกิจใหม่

ขึ้นมา แต่ก็ติดปัญหาที่ว่าความสามารถของญี่ปุ่นก็ยังไม่เท่า เทียมสหรัฐอเมริกาที่สามารถสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมาทดแทน ได้ในทันทีŽ

เมื่อเปรียบเทียบศักยภาพของผู้ประกอบการจีนและญี่ปุ่นแล้วจะเห็นได้ว่าแม้นว่าญี่ปุ่นจะ ได้รับการกล่าวขวัญมาก่อนในเรื่องความสำเร็จของผู้ประกอบ การ SMEs แต่นับถึงทุกวันนี้

จีนกลายเป็นประเทศที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในเวทีการค้าโลกมากยิ่งขึ้นด้วยข้อได้เปรียบที่มีอยู่เดิม ซึ่งหากจะมองในแง่ศักยภาพของ ผู้ประกอบการคนไทยแล้วจะพบได้ว่าต้องมีการพัฒนาอีกมาก

จึงควรให้ความร่วมมือกันทุกฝ่ายเพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ของไทยพัฒนาศักยภาพการผลิตได้ทัดเทียมประเทศอื่น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us