|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
องค์การฟอกหนังส่อแววพับแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ หลังแผนการบริหารงาน "อาณัฐชัย รัตตกุล" ไม่ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ด ขณะที่มีกระแสข่าวกระทรวงกลาโหมเล็งปิดกิจการหลังบริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนมาตลอด
แหล่งข่าวจากองค์การฟอกหนัง (อ.ฟ.น.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2548 ที่ผ่านมา คณะกรรมการองค์การฟอกหนังได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาแผนการบริหารและการจัดการองค์การฟอกหนัง ซึ่งมีนายอาณัฐชัย รัตตกุล ผู้อำนวยการ องค์การฟอกหนังเป็นผู้เสนอ ซึ่งผลการประชุมปรากฏว่าคณะกรรมการไม่อนุมัติแผนการบริหารงานดังกล่าว
ทั้งนี้แผนการบริหารของนายอาณัฐชัยส่วนหนึ่งของแผนงานนั้นจะแปรรูปองค์การฟอกหนัง ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่จากการที่แผนการบริหารไม่ผ่าน จึงอาจจะส่งผลกระทบทำให้การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯชะลอไป หรืออาจจะถึงยกเลิกได้เช่นกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่าจะมีความเห็นเป็นอย่างไร
จากแผนการบริหารงานจะมี 3 ขั้นตอน คือในระยะสั้น 3-6 เดือน คือการแก้ปัญหาเร่งด่วน โดยพยายามจะลดการขาดทุน แก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและปัญหาคุณภาพของสินค้า และการเร่งขยายฐานลูกค้าที่พอจะสามารถบริโภคสินค้าเดิมขององค์กรได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อมั่นว่าปีงบประมาณ 2549 องค์การฟอกหนังจะมีกำไร หลังจากที่ก่อนหน้านี้ขาดทุนมาตลอดทุกปี ซึ่งนับแต่นายอาณัฐชัยเข้ามาบริหาร ก็มีกำไรแล้ว 2 เดือน ทั้งเดือนมีนาคมที่มีกำไร 2.20 ล้านบาท และเดือนเมษายนมีกำไร 1.84 ล้านบาท
ส่วนระยะปานกลางในกรอบ 1-2 ปี จะเป็นช่วงของขบวนการปรับปรุงผ่าตัดองค์กรภายใน เพื่อให้เกิดศักยภาพในการดำรงอยู่ด้วยการพึ่งตนเอง และสามารถแข่งขันในตลาดได้ ทั้งระบบการบริหารงาน การผลิต และการดำเนินงานในองค์การ
สำหรับแผนระยะยาวในช่วง 2-3 ปี มีเป้าหมายปรับองค์กรให้ไปสู่การเป็นบริษัทมหาชนเพื่อเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตามแผนจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 36 ล้านบาท เพิ่มเป็น 300 ล้านบาท เพื่อให้เท่ากับสินทรัพย์ขององค์การ และจะมีการปรับโครงสร้างหนี้หลังจากนั้นในปี 2551 องค์การฟอกหนังก็จะสามารถเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้
"แผนการบริการและการจัดการองค์การฟอกหนังจะมี 3 ช่วงในระยะสั้น,ปานกลางและระยะยาว โดยจะกำหนดยุทธศาสตร์ไว้ 5 แนวทางประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ด้านสภาพคล่องและบุคลากร, ด้านการผลิต, ด้านการตลาด, การสร้างผลกำไร และการพัฒนาเติบโตอย่างยั่งยืน แต่หลังจากที่แผนบริหารไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ส่งผลทำให้นายอาณัฐชัยก็ต้องพ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การฟอกหนัง" แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ องค์การฟอกหนังถือว่าเป็นองค์กรที่มีศักยภาพ เพราะเป็นองค์การที่มีสินทรัพย์อยู่จำนวนมาก และการลงทุนต่างๆ ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากนัก เพราะมีเครื่องจักรอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเชื่อว่ามีโอกาสที่จะฟื้นฟูให้องค์กรกลับมาเป็นองค์การที่มีผลประกอบการที่มีกำไร และจะสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศได้อีกมาก
สาเหตุที่แผนการบริหารและการจัดการองค์การฟอกหนังของนายอาณัฐชัยไม่ผ่านไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็มีกระแสข่าวว่ากระทรวงกลาโหมนั้นต้องการที่จะปิดรัฐวิสาหกิจที่มีผลประกอบการขาดทุนมาตลอดในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่ต้องการเป็นภาระ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าองค์การฟอกหนังจะมีทิศทางเป็นอย่างไร แต่ถ้ามีการปิดกิจการจริงก็อาจจะทำให้รัฐต้องจ่ายเงินชดเชยประมาณ 2 พันล้านบาท
"ปัญหาที่สะสมขององค์การฟอกหนังมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน นับตั้งแต่สภาวะวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศในปี 2540 ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เกิดสภาวะการขาดทุนต่อเนื่องในระยะเวลาติดต่อกันถึง 7 ปี เกิดผลกระทบจากสภาพคล่องทางการเงิน ติดหนี้การค้า ทำให้ขาดความเชื่อถือ" แหล่งข่าวกล่าว
อนึ่ง เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการองค์การฟอกหนังและนายอาณัฐชัย ได้เข้าพบตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อสอบถามถึงการเตรียมความพร้อมที่จะเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง
|
|
|
|
|