Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 มิถุนายน 2548
"แสนสิริ" หวั่นเศรษฐกิจชะลอตัว ตุนเงินสด 2 พันล.พลิกเกมกดD/Eเหลือ1:1             
 


   
www resources

โฮมเพจ แสนสิริ

   
search resources

แสนสิริ, บมจ.
Real Estate




แสนสิริหวั่นเศรษฐกิจชะลอตัว ตุนเงินสด 2,000 ล้านบาท เชื่อบ้านระดับกลางยังรุ่ง ครึ่งปีหลังเน้นพัฒนาและขยายกิจการทั้งแนวราบและแนวสูงอย่างต่อเนื่อง เปิดโครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมงบ 500 ล้านบาท ซื้อที่ดินพัฒนาคอนโดมิเนียม ย้ำเป้าหมายรายได้รวมสิ้นปีถึง 10,000 ล้านบาท

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มการชะลอตัว เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งอาจจะส่งกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ บริษัทจึงได้เตรียมเก็บเงินสดไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับกับการเกิดภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ ปัจจุบันบริษัทมีเงินสดอยู่ในมือประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งได้มาจากการขายโรงแรมโซฟิเทล สีลม ได้รับเงินสดเข้ามาจำนวน 1,200 ล้านบาท

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2548 นี้ จะเน้นการรุกขยายฐานตลาดบ้านเดี่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม ราคาประมาณ 3-9 ล้านบาท โดยนอกจากโครงการเดิมแล้ว ยังได้เริ่มพัฒนาโครงการใหม่อีก 6 โครงการ ได้แก่ เศรษฐสิริ ย่านพุทธมณฑลสาย 1 มูลค่าโครงการ 654 ล้านบาท เปิดขายในเดือนตุลาคม, เศรษฐสิริ ประชาชื่น เนื้อที่ 212 ไร่ มูลค่า 6,385 ล้านบาท, สราญสิริรัตนา- ธิเบศร์ บ้านเดี่ยวจำนวน 300 ยูนิต มูลค่า 1,400 ล้านบาท, สราญสิริ รามอินทรา, เศรษฐสิริ สุขาภิบาล 2 มูลค่าโครงการ 3,172 ล้านบาท และโครงการย่านถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งจะทยอยเปิดตัวโครงการขาย (Pre-Sale) ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนนี้จนถึงปลายปี ทั้งนี้ เฉพาะโครงการบ้านจัดสรรใหม่ทั้ง 6 โครงการดังกล่าว มีมูลค่าการขายรวมกว่า 11,800 ล้านบาท

ส่วนโครงการบ้านเดี่ยวระดับกลางถึงระดับบน ใน 5 โครงการเดิม ได้แก่ โครงการบ้านแสนสิริ สุขุมวิท, นาราสิริ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์, นาราสิริ สาทร-วงแหวน, เศรษฐสิริ รามอินทรา และเศรษฐสิริ สนามบินน้ำ ทั้งนี้กลุ่มโครงการดังกล่าว มีสินค้าเหลือ ขายจำนวน 82 ยูนิต มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท และนับจากต้นปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถขายบ้านไปแล้วประมาณ 130 ยูนิต มูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าตลาดบ้านเดี่ยวระดับนี้ ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปีนี้

นายเศรษฐา กล่าวเสริมว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดการขาย (Pre-Sale) โครงการ สราญสิริ รามอินทรา โครงการบ้าน เดี่ยวบนพื้นที่ 50 ตารางวาขึ้นไป ราคาเริ่มต้นเพียง 2.99 ล้านบาท โดยมีลูกค้าเข้าเยี่ยมชมเกือบ 1,000 ราย และสามารถสร้างยอดจองถึง 35 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าขายกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดว่า ตลาดบ้านระดับกลางยังเป็นที่ต้องการของตลาดค่อนข้างมาก

"ในสัปดาห์นี้จะมีการเปิด Pre-Sale โครงการบ้านเดี่ยวระดับกลางใหม่อีกแห่งหนึ่ง คือ โครงการ เศรษฐสิริ วงแหวน สุขาภิบาล 2 ที่ ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่สะดวกสบายและเหมาะสมสำหรับการทำโครงการที่อยู่อาศัยอย่างยิ่งอีกแห่งหนึ่ง เรานำเสนอรูปแบบบ้านขนาด 50 ตารางวาขึ้นไป ราคาขายเริ่มต้นที่ 3.99 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกับที่โครงการสราญสิริ รามอินทรา เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับกลุ่มลูกค้าระดับกลางที่ต้องการสินค้าพรีเมียมและสมราคานั่นเอง" นายเศรษฐากล่าว

ด้านแผนการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2548 คาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่อีกอย่างน้อย 2-3 โครงการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมซื้อที่ดินในทำเลที่เหมาะสมย่านกลางใจเมือง (ซีบีดี) โดยเตรียมงบจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ จำนวน 500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังสนใจที่จะซื้อที่ดินในย่านภูเก็ต ฝั่งอันดามันเพื่อพัฒนาโครงการ

ในด้านฐานะการเงิน บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน จากปัจจุบัน 1.37 ต่อ 1 เท่า ให้ลดลงเหลือระดับที่ต่ำกว่า 1 ต่อ 1 เท่าภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นการรักษาระเบียบวินัยทางการเงิน สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น จะนำไปเสริมสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ และพัฒนาขยายกิจการต่อไป โดยเน้นกลยุทธ์การบริหารสินทรัพย์ของบริษัทฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ ลงทุนในธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาว ส่วนกำไรขั้นต้นที่ปรับลดลงจาก 31% มาอยู่ที่ระดับ 28% เป็นผลจากราคาวัสดุปรับขึ้นราคา

"เรื่องความสามารถในการทำรายได้ให้ได้ตามเป้า 10,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีคงจะได้ คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน" นายเศรษฐากล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us