ค่าย "มาสด้า" หวังตั้งสำนักงานใหญ่อาเซียนในไทย จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากขึ้น โดยเฉพาะรุ่นฮอตในตลาดโลก ส่งผลให้แชร์ในภูมิภาคและไทยเพิ่มเป็น 5% เผยหากรัฐบาลสรุปเรื่องอีโคคาร์ หรือ ACES Car มีความเป็นไปได้สูงที่มาสด้าอาเซียนจะนำมาดำเนินการเป็นโครงการแรก
นายฟูมิโอะ โทเนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น ประกาศเลือกไทยเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของมาสด้าประจำภูมิภาคอาเซียน ในเดือนกรากฎาคมที่จะถึงนี้ หน่วยงานดังกล่าวจะสามารถเริ่มดำเนินงานได้ทันที
"การตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคอาเซียน จะช่วยให้การกำหนดกลยุทธ์ต่างๆ เหมาะสมกับภูมิภาคมากขึ้น และยังช่วยถ่ายทอดความต้องการของตลาดให้บริษัทแม่เข้าใจและตอบสนองได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวสู่ตลาดอาเซียน รวมถึงมีรถยนต์ทำตลาดหลากหลายรุ่นและประเภทมากขึ้น"
ทั้งนี้ มาสด้ามีสินค้าหลากหลายรุ่นที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากในตลาดโลก การที่มีสำนักงานใหญ่ในอาเซียน จึงส่งผลต่อการพิจารณา และประสานงานในการนำรถที่โดดเด่นในตลาดโลกเข้ามาทำตลาดในภูมิภาคนี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมาสด้า 2, 5, 6 หรือรถรุ่นอื่นๆ ที่มีความเป็นไปได้สูงต่อการทำตลาด
นายโทเนะกล่าวว่า นอกจากรถที่มีในตลาดปัจจุบันแล้ว รถยนต์โมเดลใหม่ที่ไม่มีในตลาด หรือมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าในภูมิภาคและทั่วโลก มาสด้าอาเซียนก็สามารถที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นได้ อย่างเช่นโครงการอีโคคาร์ หรือชื่อใหม่ ACES Car ที่รัฐบาลไทยกำลังผลักดันให้เป็นรถยนต์หลักอีกประเภทคู่กับปิกอัพในไทย ซึ่งหากรัฐบาลสรุปข้อกำหนดเรียบร้อย ก็มีความเป็นไปได้สูงที่มาสด้า อาเซียน จะนำโครงการดังกล่าวมาศึกษาและดำเนินงานเป็นชิ้นแรก
สำหรับ ACES Car ในความเห็นของมาสด้า มองเรื่องของการประหยัดพลังงานเป็นหลักมากกว่าที่จะให้ความสำคัญเรื่องของสเปกหรือขนาดตัวรถ แต่ไม่ว่ารัฐบาลจะตัดสินใจเลือกอย่างไร มาสด้าก็พร้อมที่จะดำเนินการได้หมด เพราะรถยนต์ของมาสด้ามีหลากหลายตอบสนองได้ทันที ส่วนจะเป็นรุ่นที่มีอยู่แล้ว หรือจะเป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นใหม่ มาสด้าจะมองวิธีดำเนินการทั้งสองแนวทาง เหลือแต่ว่ารัฐบาลไทยจะสรุปอย่างไร
"จากความคล่องตัวในการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้คาดว่ามาสด้าจะสามารถเพิ่มมาร์เกตแชร์ หรือส่วนแบ่งทางการตลาดในภูมิภาคอาเซียนเป็น 5% จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 1.3% โดยยอดขายหลักๆ จะมาจากประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มาสด้ามีส่วนแบ่งทางการตลาดในไทย 2.6% และภายในปีนี้น่าจะเพิ่มเป็น 3% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาสด้า 3 ดังนั้น หากยอดขายในไทยเพิ่มต่อเนื่อง เป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 5% ตามแผนงาน 5 ปี จึงไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด"
นายโทเนะกล่าวต่อว่า สำหรับตลาดรถยนต์ในไทยเมื่อเทียบกับเดือนเดียวของปีก่อนหน้า มาสด้ามียอดขายเติบโตต่อเนื่องมาเป็นเวลา 22 เดือนแล้ว นับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2546 เป็นต้นมา โดยล่าสุดยอดขายรถยนต์มาสด้า 5 เดือนแรกของปี 2548 นี้ (ม.ค.-พ.ค.) ทำได้ทั้งหมดกว่า 7,300 คัน หรือเติบโตประมาณ 21% ใกล้เคียงกับตลาดรถยนต์รวมที่เติบโต 24%
ความสำเร็จดังกล่าวมาจากการทำงานร่วมกันระหว่างมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ที่ออกแคมเปญตอบสนองลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และอีกส่วนมาจากการทำงานอย่างจริงจังของดีลเลอร์ ทำให้รถยนต์ของมาสด้าไม่ว่าจะเป็นปิกอัพไฟเตอร์ มาสด้า 3 หรือเอสยูวีรุ่นทริบิวต์ ได้ รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้ 18,800 คัน แบ่งเป็นปิกอัพประมาณ 13,000 หมื่นคัน และมาสด้า 3 อีกจำนวน 5,700 คัน ที่เหลือเป็นรุ่นอื่นๆ
|