Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 กรกฎาคม 2545
จาตุรนต์ทบทวนเกณฑ์ขายโรงไฟฟ้า TPI             
 

   
related stories

5ปีบทเรียนวิกฤติเศรษฐกิจ "ประชัย"ชี้ต้องแก้กม.ฟื้นฟู

   
search resources

อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย, บมจ.




เอ็ฟเฟ็คทีฟฯยอมถอย ลดกระแสต้านขายโรงไฟฟ้า รับ 5 ข้อเสนอของสหภาพแรงงานทีพีไอ โดย ยินยอมให้สหภาพฯเข้ามีส่วนร่วมร่างสัญญาขายโรงไฟฟ้า ดังกล่าว

แต่ปฏิเสธข้อเรียกร้องในการเข้าร่วมลงนามในสัญญาซื้อ-ขายโรงไฟฟ้า "จาตุรนต์" เสนอจัดตั้งคณะอนุกรรมการชุดใหม่ โดยมีตัวแทนสหภาพฯร่วมด้วย วานนี้ ( 9

ก.ค.)คณะทำงานพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรกัล ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีพีไอ ที่จัดตั้งขึ้นจากความร่วมมือของ 5 ฝ่าย คือ กระทรวงยุติธรรม เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

กรมบังคับคดี สหภาพแรงงาน ทีพีไอ และบริษัท เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส ในฐานะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอได้ประชุมนัดแรกร่วมกันเพื่อหาแนวทางแก้ไขตามคำเรียกร้องของสหภาพแรงงานทีพีไอ

โดยมีนาย จาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน นายจาตุรนต์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในที่ประชุมได้ข้อตกลงร่วมกันใน 3 ประเด็นหลักดังนี้ ประเด็นแรก คือ

การยินยอมให้สหภาพ แรงงานทีพีไอเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาสัญญาการขายโรงไฟฟ้าให้กลุ่มบ้านปู โดยจะ มีการแต่งตั้งตัวแทนของสหภาพแรงงานทีพีไอจำนวน 6 คน

เข้ามาร่วมเป็นคณะทำงาน ชุดที่มีนายสิปปนนท์ เกตุทัต ผู้จัดการใหญ่ทีพีไอเป็นประธาน ประเด็นที่สอง คือ การจัดตั้งคณะอนุกรรม การอีก 1 ชุด เพื่อพิจารณารายละเอียด และเงื่อนไขการขายโรงไฟฟ้า

โดยประกอบด้วย นักวิชาการ เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส สหภาพ แรงงานทีพีไอ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งจะพิจารณาผลดี-ผลเสีย และผลที่ตามมาจากการขายโรงไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งคณะอนุกรรม

การชุดนี้จะทำงานภายใต้กรอบของกฎหมาย หากพบว่าไม่มีความเป็นธรรม ก็จะส่งเรื่องให้ศาลล้มละลายเป็นผู้พิจารณาแก้ไขดำเนินการต่อไป ประเด็นที่สาม คือ

เสนอให้พนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการตรวจสอบผู้บริหารแผนฯว่าดำเนินการไปตามแผนฟื้นฟูกิจการ และมีความเป็นธรรมหรือไม่ โดยได้มอบ

หมายให้สหภาพแรงงานทีพีไอไปรวบรวมประเด็นต่างๆที่จะให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ ทรัพย์ตรวจสอบ เช่น ค่าบริหารแผนฟื้นฟูกิจการที่สูงเกินไป การดำเนินการไม่เป็นไป ตามเป้าของแผนฟื้นฟูฯตลอดช่วง 2

ปีที่ผ่าน มา เป็นต้น หากพบว่าการดำเนินงานไม่เป็น ไปตามแผนฟื้นฟู ก็จะให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการส่งต่อให้กับศาลล้มละลายกลางเป็นผู้พิจารณาต่อไป

"หากการตรวจสอบของเจ้าพนักงานพิทักษ์ ทรัพย์ไม่มีความชำนาญในเรื่องใด ก็ให้ไปขอความเห็นจากผู้ที่มีความรู้ เช่นสำนักงานตรวจสอบหรือก.ล.ต." ส่วนประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุปร่วมกัน คือ

กรณีที่สหภาพแรงงานทีพีไอเรียกร้องที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการลงนามในสัญญาซื้อขายโรงไฟฟ้าทีพีไอ เนื่องจากข้อกำหนดของกฎ หมายระบุว่า ผู้ที่จะลงนามในสัญญาได้นั้นจะต้อง

เป็นบุคคลที่มีส่วนได้/เสีย และมีอำนาจลงนามแทนบริษัทฯ "คณะทำงานฯจะมอบหมายให้เลขาฯไป จัดทำและยกร่างระเบียบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดใหม่ว่าจะมีองค์ประกอบ อย่างไร

และอำนาจหน้าที่ครอบคลุมแค่ไหน เพื่อจะนำมาเสนอที่ประชุมฯพิจารณาใน การประชุมครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า" นายเจษฎ์ เจษฎ์ปิยะวงศ์ ตัวแทนบริษัท เอ็ฟเฟ็คทีฟ

แพลนเนอร์ส กล่าวว่า ผู้บริหารของ เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์สได้ทำหนังสือถึงสหภาพ แรงงานทีพีไอ ลงวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยยอมรับข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานฯเกือบทั้งหมด

ยกเว้นการเข้าไปมีส่วนร่วมในการ ลงนามสัญญาซื้อขายโรงไฟฟ้าทีพีไอ เนื่องจากติด ข้อกำหนดของกฎหมาย บริษัทฯยอมให้สหภาพฯเข้าไปร่วมใน การร่างรายละเอียดสัญญาซื้อขายโรงไฟฟ้า และ

เข้าร่วมในการลงนามสัญญาด้วย สำหรับข้อเรียกร้องที่เอ็ฟเฟ็คทีฟฯ ยินยอม คือ อนุญาตให้สหภาพแต่งตั้งตัวแทนจำนวน 6 คน เป็นคณะทำงานพิจารณาการ ขายโรงไฟฟ้า ,

มีการชี้แจงผลกระทบจากการขายโรงไฟฟ้า, รับฟังความเห็นของสหภาพฯและพนักงานเกี่ยวกับการขายโรงไฟฟ้า และจัดทำสัญญาซื้อขายโรงไฟฟ้าเป็นฉบับภาษา ไทย นายเจษฎ์ กล่าวต่อไปว่า

ผู้บริหารแผนฯจะไม่ยอมลงนามขายโรงไฟฟ้าเด็ดขาด หากพิจารณาพบว่าสัญญาไม่เป็นธรรมต่อทีพีไอ หรือ มีความโต้แย้งจากสหภาพฯ เพื่อแสดงความจริงใจของผู้บริหารแผนฯ

การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดใหม่นั้น ตนจะนำข้อเรียกร้องของสหภาพฯนำไปหารือกับผู้บริหารของเอ็ฟเฟ็คทีฟฯ และคณะกรรม การเจ้าหนี้อีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะให้คำตอบเป็นลายลักษณ์อักษร

ประชัยž โต้อีพีแอลมั่วหนี้ 6 พันล. จากกรณีที่บริษัท เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลน-เนอร์ส ในฐานะผู้บริหารแผนทีพีไอ จะทำการฟ้องนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารทีพีไอ

เพื่อเรียกชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน 3 ฉบับ รวมเงินต้นและดอกเบี้ยที่ระบุวงเงิน 6,388 ล้านบาทนั้น นายศิลปิน บูรณศิลปิน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) กล่าวชี้แจงว่า

กรณีที่อีพีแอลออกมาให้ข่าวในลักษณะสร้างความเสียหายให้กับนายประชัยดังกล่าว กล่าวได้ ว่าเป็นเรื่องไร้สาระ สำหรับข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ นายประชัย จะเป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด

หลังจากที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ "กรณีที่อีพีแอลออกมาเปิดประเด็นการฟ้องร้องนายประชัย คิดว่าคงต้องการออกมาประโคมข่าว เพื่อดับกระแสข่าวการขายโรงไฟฟ้า ทีพีไอให้กับกลุ่มบ้านปู

ซึ่งในสัญญาซื้อขายโรงไฟฟ้าทีพีไอ มีเงื่อนงำที่น่าสงสัย จนทำให้สหภาพ แรงงานทีพีไอกับพนักงานออกมาประท้วงที่ปิดถนนที่หน้าโรงไฟฟ้าที่จังหวัดระยอง และกลุ่มพนักงานทีพีไอกว่า 1,000 คน

ได้เดินทางมาประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2545 ที่ผ่านมา จนส่งผลให้รัฐบาลต้องลงมาดูปัญหากรณีดังกล่าวด้วยตนเอง

โดยกระทรวงยุติธรรมได้แต่งตั้งคณะทำงานชุดพิเศษขึ้นมาพิจารณาปัญหา ดังกล่าวโดยตรง ซึ่งได้นัดประชุมนัดแรกในวันที่ 9 กรกฎาคม 2545 เวลา 15.00 ที่กระทรวงยุติธรรม" นอกจากนี้

ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท อีพีแอลหลายคนก็อยู่ระหว่างการดำเนินคดีหลายราย โดยเฉพาะคดีที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ได้ออกหมายจับที่ 104/2545 ในคดีอาญา

ตามที่กรมการจัดหางานกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายเอียน ดักลาส เฟอร์เรียร์ ในข้อหาไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศ ไทย

ซึ่งขณะนี้นายเอียนได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนนายปีเตอร์ เจมส์ กอธทาร์ดก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับที่ 103/2545 เป็นคดีอาญาเช่นกัน

ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวที่ทำงานอื่นใดนอกจากที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ซึ่งบุคคลทั้งสองได้กระทำผิดตามพ.ร.บ.การทำงาน ของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม 2545 ที่ผ่านมา

นายปีเตอร์ได้ เดินทางไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทุ่งมหา เมฆแล้ว "อีพีแอลเป็นบริษัทต่างด้าวมีสัญชาติออสเตรเลีย แต่ไปจดทะเบียนอยู่ที่บริติช เวอร์จิน ไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเกาะสววรค์ของ นักฟอกเงิน

แต่ทำไมสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ จึงได้ออกใบอนุญาตส่งเสริมการลงทุนให้บริษัทอีพีแอล และจริงๆ แล้ว อีพีแอลเป็นเพียงบริษัทนัก การบัญชีต่างด้าว มีทุนจดทะเบียนเพียง

1 ล้านบาท ไม่ใช่บริษัทอินเวสเมนท์ที่นำเงินมา ลงทุนในประเทศไทย ตรงกันข้ามตั้งแต่อีพีแอลเข้ามาบริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ กลับขนเงินทีพีไอที่ระบุว่าเป็นค่าที่ปรึกษาแผนและค่า ใช้จ่ายอื่นๆ

กลับไปต่างประเทศแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us