Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน13 มิถุนายน 2548
"ยูนิฟ"ลดเสี่ยงดันกลุ่มอาหาร ดึงทีมไต้หวันอุดช่องโหว่-เบรกแผนบะหมี่ฯ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย)

   
search resources

ยูนิ-เพรสซิเดนท์, บจก.
Soft Drink




ยูนิเพรสซิเดนท์ ปรับกระบวนท่าใหม่ ดึงทีมตลาดไต้หวันเสริมทัพ สร้างความแข็งแกร่งแบรนด์ "ยูนิฟ" ติดตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพก่อน ส่วน 2-3 ปีต่อยอดธุรกิจใหม่ ลุยกลุ่มอาหารเต็มสูบ ปีหน้าปูพรมขยายไลน์เครื่องดื่มสุขภาพประเดิมนมถั่วเหลือง สินค้าใหม่ 2-3 รายการแน่ ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปติดเบรกไว้ก่อน หลังวิจัยพบตลาดสุดหิน

แหล่งข่าวจาก บริษัท ยูนิเพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำผักผลไม้และชาเขียวแบรนด์ยูนิฟ, ชาลีวัง เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ในช่วงการปรับโครงสร้างองค์กรหลายอย่างด้วยกัน ล่าสุดได้ดึงทีมการตลาด จากบริษัทแม่ประเทศไต้หวันเข้ามาร่วมงานเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับทีมการตลาดของยูนิเพรสซิเดนท์ในประเทศไทย ทั้งนี้เพราะเป้าหมายของบริษัทต้องการขยายการดำเนินธุรกิจจากกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพไปสู่กลุ่มอาหาร ภายใน 2-3 ปีนี้ เนื่องจากในประเทศไต้หวันธุรกิจหลักของบริษัทแม่คือกลุ่มอาหารมากกว่ากลุ่มเครื่องดื่ม

สำหรับแผนการทำตลาดในระหว่างนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการพัฒนาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพออกสู่ตลาด โดยเฉพาะในปีหน้านี้ได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ 2-3 รายการ ซึ่งขณะนี้รอเพียงให้เครื่องจักรบรรจุภัณฑ์ ที่ใช้เทคโนโลยีอะเซพติค โคล ฟิลลิ่ง หลังจากที่ได้ลงทุนไปเป็นมูลค่า 1,400 ล้านบาท ติดตั้งเสร็จก่อน จากเดิมคาดว่าจะเสร็จสิ้นในเดือนตุลาคม แต่ขณะนี้คาดว่าจะกินระยะไปถึงเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้นจะต้องทดลองเครื่องอีก 2-3 เดือนก่อน จากนั้นจะเริ่มผลิตกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ โดยประเดิมลงในตลาดนมถั่วเหลืองก่อน จากนั้นถึงขยายไลน์ไปสู่กลุ่มเครื่องดื่มอื่นๆ

"ช่วงเวลาที่เหลือเราพยายามสร้างตราสินค้าภายใต้ "ยูนิฟ" ด้วยการขยายสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพให้มีความแข็งแกร่งก่อน ไม่ว่าจะเป็น ยูนิฟ กรีนที, ยูนิฟ ไอเฟิร์ม, ยูนิฟ น้ำผัก ผลไม้ฯลฯ เพื่อรองรับธุรกิจกลุ่มอาหารที่บริษัทวางแผนจะรุกตลาดอย่างเต็มที่ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งปัจจุบันในไต้หวันกลุ่มอาหารมีสินค้าหลายแคธิกอรี่ด้วยกัน ประกอบด้วย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์แช่แข็งสำเร็จรูป"

แหล่งข่าวกล่าวว่า ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวยูนิฟ ไอเฟิร์ม "บลู ไอซ์" รสชาติที่สี่ลงสู่ตลาด เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภค และตอกย้ำการเป็นผู้ผลิตและพัฒนาสินค้าเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ารสชาติดังกล่าวจะผลักดันให้ไอเฟิร์มมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 12-13% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด 10% ขณะที่คู่แข่งสปอนเซอร์เป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่ง 70% เกเตอร์เรด 10% จากมูลค่าตลาด 3,000 ล้านบาท เติบโต 15%

แนวโน้มสินค้าเพื่อสุขภาพกำลังมาแรงมากในไทย จากข้อมูลเอซีนีลเส็น พบว่าชาเขียวขึ้นมาเป็นอันดับสามของกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ ส่วนซีเรียลและโยเกิร์ตเป็นอันดับสอง ในขณะที่นมยังคงเป็นเจ้าตลาดในฐานะสินค้าเพื่อสุขภาพอยู่

แหล่งข่าวกล่าวถึงความคืบหน้าแผนการดำเนินธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทยว่า ได้เสนอให้คณะกรรมการพิจารณาแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งนี้เพราะสภาพตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทยมีอัตราการเติบโตน้อย คือปีนี้แค่ 3% เท่านั้น อีกทั้งผู้ประกอบการในไทยทั้ง 3 ราย ยังมีความแข็งแกร่งมาก โดยปัจจุบันอัตราการบริโภคในไทยมี 30 ซองต่อคนต่อปี เมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่น 40 ซองต่อคนต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงและไม่ห่างกันมาก

ดังนั้นแผนการทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจึงชะลอไปก่อน หลังจากประมาณการว่าจะเปิดตัวในปลายปีนี้ โดยอาจจะเลื่อนเป็นปีหน้า ขณะเดียวกัน โอกาสที่บริษัทจะพับแผนการทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีสูงถึง 50% และหากยูนิฟจะลงมาเล่นในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจริง ก็น่าจะเป็นบะหมี่ฯ ชนิดถ้วยหรือชาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ขณะที่บะหมี่ซองปัจจุบันอัตราการเติบโตลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนจะลงมาในเซกเมนต์ไหนคงจะต้องมาพิจารณากันอีกครั้ง เพราะบริษัทแม่ในประเทศไต้หวันมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่พรีเมียม สแตนดาร์ดและอีโคโนมี

ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัทยังคงมาจากชาเขียวพร้อมดื่มเป็นหลักถึง 60% น้ำผลไม้ 25% อีก 15% เป็นอื่นๆ โดยไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในเอเชีย เมื่อเทียบกับไต้หวันเติบโตเพียง 10%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us