การก้าวเป็นผู้นำของเดมเลอร์ไครสเลอร์ในตลาดเมืองไทยเป็นบทพิสูจน์ความสามารถผู้บริหารได้เป็นอย่างดี
"มร.คาร์ล-ไฮนซ์ เฮคเฮาเซ่น" นายใหญ่เผย 3 ยุทธศาสตร์หลักที่ใช้ในการบริหารกิจการ
เน้นสร้างผู้บริหาร คนไทยลดสัดส่วนผู้บริหารต่างชาติ การที่เมอร์เซเดส-เบนซ์
ครอง ตลาดรถหรูมายาวนานจนถึงปัจจุบันๆ
นอกจากความเป็นเจ้าแห่งนวัตกรรมยานยนต์ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งจนทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นสุดยอดรถในฝันของทุกคน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยรถเบนซ์เปรียบเสมือน
รถประจำตระกูลที่เป็นมรดกสืบ ทอดหลายรุ่นหลายสมัย เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นรถหรูหราที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดในทุกๆ
รุ่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่น S-Class , E-Class, ไปจนถึง C-Class
โดยมร.คาร์ล-ไฮนซ์ เฮคเฮาเซ่น ประธานกรรม การบริหาร เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย)
จำกัด ได้ตั้งเป้าสำหรับยอดขายรถเบนซ์ในปีนี้ไว้ที่ 4,500 คัน คือ 800,1,700,
และ 2,000 คัน ตามลำดับ
ขณะที่ปีที่แล้วมียอดขาย 3,700 คัน หรือเพิ่มขึ้น 20% ปัจจัยที่ทำให้ท่านประธานฯแห่งค่ายดาวสามแฉกมั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจาก
การที่ทางบริษัทฯเพิ่งจะเปิดตัว the new E-Class
W211 โดยมั่นใจว่า นับจากนี้ต่อไป W211 จะเป็นดาวเด่นที่โกยยอดขายให้กับเดมเลอร์ไครสเลอร์ตั้งแต่นี้ไปจนถึงอีกครึ่งทศวรรษเลยทีเดียว
ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัว E-Class
พวงมาลัยขวาครั้งแรกของไทย หลังจากที่บริษัทฯ เพิ่งจะเปิดตัวพี่ใหญ่ในกลุ่ม
S-Class และ CLK-Class พวงมาลัยขวาครั้งแรกของโลกอย่างเป็น ทางการ มร.เฮคเฮาเซ่น
กล่าวว่า หาก
จะทำถามว่าจะทำไมจึงเลือกเป็นประเทศไทย ในการเปิดตัวรถถึง 3 รุ่นในประเทศไทยเป็นเพราะตลาดรถยนต์ในเมืองไทยโตวันโตคืนสวน
กระแสแม้ในยามวิกฤติเศรษฐกิจ ดังจะดูได้จากตัวเลข ซึ่ง 5
เดือนแรกของปีนี้ เดมเลอร์ฯกวาดยอดขายไปแล้ว 1,500 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นถึง
50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยรุ่น S-Class มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึง
90 % E-Class 45% และ
C-Class 27% ประธานกรรมการบริหารเผย
ถึงจุดแข็งที่ทำให้บริษัทฯประสบความสำเร็จกับยอดขายรถที่เพิ่มขึ้นว่า มาจากการใช้นโยบายที่ให้ความสำคัญในเรื่องความสัมพันธ
์และการเป็นมิตรที่ดีต่อผู้จำหน่าย หรือดีลเลอร์ โดยการออกเยี่ยมดีล
เลอร์ด้วยตัวเองทุกวันพฤหัสบดีเพื่อรับฟังรายงานยอดขาย ข้อร้องเรียนจากลูกค้า
ตลอดจนร่วมกันแก้ ปัญหาทุกเรื่อง นับเป็นนโยบายที่แตกต่างจากการบริหารงานของชาติ
ตะวันตกอื่นๆ
"เราใช้กลยุทธ์การสัมผัสกับปัญหาอย่างละเอียด และแก้ปัญหา นั้นร่วมกับดีลเลอร์ในลักษณะโน้มน้าว
เสนอแนะมากกว่าการสั่งการ เพื่อที่จะได้เข้าใจและรู้จริงในการแก้ ปัญหานั้นๆ
ซึ่งดีลเลอร์ก็พอใจและมีความรู้สึกว่าเค้าเป็นพาร์ท เนอร์ไม่ใช่เป็นเพียงผู้จำหน่ายรถ
เป็นไปตามนโยบายที่ว่า ดีลเลอร์ คือ ลูกค้าที่สำคัญที่สุด" นอกจากภารกิจที่
มร.คาร์ล-ไฮนซ์ เฮคเฮาเซ่น
จะต้องดูแลรถเมอร์เซเดสให้รักษาตำแหน่งอยู่ได้แล้วยังต้องรักษาระดับยอดขายของ
จี๊ป เชโรกี อีกด้วย โดยในปีนี้คาดว่าจะมียอดขายที่ 400 คัน เท่า กับปีที่แล้ว
เท่ากับเป็นการต้องบริหารรถ 2 สัญชาติ
คือ เยอรมัน และสหรัฐฯให้ไปได้ดีในตลาดไปพร้อมกัน ซึ่งด้วยประสบการณ์ทำให้
มร.เฮคเฮาเซ่น พบว่าการบริหารคนเป็นเรื่องสำคัญ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ กับกลุ่มเป้าหมายด้วยว่าเป็นชาติใด
บริษัทฯจึงให้ความสำคัญกับการมีผู้บริหารที่เป็นคนไทยมากขึ้น โดยลดสัดส่วนผู้บริหารที่เป็นต่างชาติลง
จากเดิม 15 คน ในปีที่แล้ว เหลือ 8 คน ในปีนี้
และแต่งตั้งคนไทยที่มีความสามารถขึ้นบริหารงานแทน ด้วยความเชื่อที่ว่า ผู้บริหารคนไทย
จะรู้ใจคนไทยได้ดีที่สุด ปัจจัยต่อมาที่จะทำให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จ คือ
การให้ความสำคัญในเรื่องการอบรม และพัฒนาบุคลากร โดยจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานอย่างต่อเนื่อง
และขณะเดียวกันตัว
ท่านประธานฯและดีลเลอร์ก็เข้าอบรมคอร์สต่างๆ อยู่เป็นประจำ เพื่อให้ทันต่อกระแสนวัตกรรมใหม่ๆ
ที่เข้ามาบทบาทในการพัฒนา รถแต่ละรุ่น โดยเฉพาะเรื่อง อิเล็ก-ทรอนิกส์ที่มีความสลับซับซ้อน
ปัจจัยสุดท้ายที่ประธานกรรม การบริหารถือว่าเป็นหัวใจหลักที่ลูกค้าต้องการมากที่สุดคือ
บริการหลังการขาย เพราะหลังจากที่ลูกค้า เป็นเจ้าของรถแล้ว
แน่นอนว่าบริการหลังการขายเป็นสิ่งสำคัญที่ลูกค้าต้องการ เดมเลอร์ไครส เลอร์ฯจึงพัฒนาเรื่องบริการหลังการขายมาโดยตลอด
ซึ่งนอกจากจะมีศูนย์บริการกลางที่มีวิศวกร ช่างยนต์ที่เชี่ยวชาญแล้ว
คลังอะไหล่ที่มีสต็อกอะไหล่ที่พอเพียงก็เป็นเรื่องที่ละเลยมิได้ โดยที่ผ่านมานั้น
ศูนย์บริการกลางได้รับรางวัล JD Power "ในอนาคตเราต้องการเห็นการจ้างงานคนไทยมากขึ้น
เพราะการที่ตลาดรถมีการเติบโตเป็นเครื่องบ่งบอกได้ว่าเศรษฐกิจเริ่ม ดีมีการบริโภคก็จะส่งให้คนไทย
มีงานทำมากขึ้น" มร.เฮคเฮาเซ่น กล่าวถึงความฝันในอนาคตที่อยากเห็น