นักวิชาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ชี้ผู้ประกอบการ SMEs
ของไทยยังไม่สามารถพัฒนาขนาดของธุรกิจ สู่กิจการระดับใหญ่ได้ทัดเทียมต่างชาติ
ท่ามกลางแนวทางการพัฒนาธุรกิจที่หลากหลายนำเสนอ 7 แนว
ทางที่จะเป็นกลยุทธ์หลักของการปรับเปลี่ยนธุรกิจแบบก้าวกระโดดสู่องค์กร
อีกระดับที่เห็นผลได้ชัดจากที่ผู้ประสบความสำเร็จในตลาดมากแล้ว ผศ.วิทวัส
รุ่งเรืองผล
อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กล่าวในมุมมองของการพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการ
SMEs
ของไทยในปัจจุบันว่ายังปรับตัวในช้ามากโดยเฉพาะการปรับขนาดของกิจการจากขนาดเล็ก
พัฒนาไปสู่กิจการที่ใหญ่ขึ้นและเป็นกิจการระดับใหญ่ในที่สุด
ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่นแล้วพัฒนาการของผู้ประกอบการในระดับ SMEs ไปสู่กิจการที่ใหญ่ขึ้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ในความคิดเห็นของผศ. วิทวัสมองว่าแนวความคิดแบบก้าว
กระโดดจะเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่นำไปใช้ สามารถพัฒนาธุรกิจของตนเองได้
และเป็นแนวทางที่หลายคนนำมาใช้กันมากแล้วหรือนำมาปรับใช้ ส่ง ผลให้องค์กรเหล่านี้ใช้เวลาไม่ถึง
10 ปีก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้องค์กรได้ "การปฏิวัติทางการตลาด เป็นหนึ่งในแนวทางการเติบโตแบบ
ก้าวกระโดดของหลายบริษัท โดยการปฏิวัติทางการตลาดเป็นแนวคิด
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งทางด้านนโยบายและกลยุทธ์ขององค์กรนั้นๆ ซึ่งมีความแตกต่างจาก
การเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปที่กว่าจะเห็นผลก็ต้องใช้เวลานาน
การปฏิวัติทางการตลาดแบบก้าวกระโดดที่ผศ.วิทวัส นำเสนอไว้มี 7 แนวทางคือ
1.
เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงของตลาด เพื่อให้ธุรกิจของไทยได้รับความสนใจขึ้นในทันที
ซึ่งเท่ากับเป็นการประสบความสำเร็จทางการตลาดแบบหนึ่ง กรณีของ D-TAC
เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของการปฏิวัติทางการตลาดโดยการนำเสนอการเก็บค่าบริการตามจริงเป็นวินาที
กลยุทธ์นี้สร้างความปั่นปวนให้กับ AIS ซึ่ง
เป็นเจ้าตลาดอยู่พอสมควรพร้อมทั้งต้องหันกลับมานั่งทบทวนแผน การตลาดใหม่อีกครั้ง
เข่นเดียวกับ Amazon.com ที่เปิดตัวเข้ามาในธุรกิจร้านหนังสือในรูปแบบของเว็บไซต์ทั้งที่มี
BAN &NOBEL
เป็นเจ้าตลาดหนังสือโดยรวมอยู่ก่อนหน้านี้ ด้วยการใช้กลยุทธ์มีหนังสือให้เลือกมากกว่าร้านอื่นๆ
ในโลกพร้อมบริการจัดส่ง ด้วยรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมา ก่อนทำให้ ส่งผลให้
BAN&NOBEL
ต้องปรับลงมาทำธุรกิจทางเว็บไซต์บางแต่ก็ดูเหมือนช้ากว่า Amazon ซึ่งกลายเป็นที่หนึ่งในวงการหนังสือ
ทั่วโลกไปเสียแล้ว
อีกตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือแลนด์แอนด์เฮ้าส์ที่ช่วงหนึ่งหันมาโปรโมตกลยุทธ์การ
ทำตลาด "บ้านเสร็จก่อนขาย" ครั้ง นั้นสร้างความฮือฮาให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างยิ่ง
เพราะก่อนหน้านี้เจ้าของบ้านจัดสรร จะเรียกเงินดาวน์ลูกค้าก่อนที่จะสร้างบ้านเสร็จ
แต่แลนด์แอนด์เฮ้าส์ใช้กลยุทธ์สร้างบ้านเสร็จแล้วถึงจะขาย โดยอาศัยความ
ได้เปรียบของการมีเงินทุนมากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นมาลงทุนสร้าง บ้านให้ก่อน
ลูกค้าก็เกิดความน่าเชื่อถือ เพราะได้เห็นสินค้าก่อนซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน
และส่งผลให้เจ้าของไอเดียนั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วแลนด์แอนด์เฮ้าส์ก็ได้ประโยชน์ด้วย เพราะแทนที่จะต้องมานั่งรอกว่าลูกค้าจะส่งเงินดาวน์ให้หมด
แต่การขายบ้านที่เสร็จแล้วก็คือลูกค้าต้องโอนและเป็นเจ้า
ของเลยทำให้เจ้าของธุรกิจได้เงินเร็ว ยิ่งขึ้น ทั้งได้ความน่าเชื่อถือของธุรกิจอีกด้วย
กลยุทธ์ในการปรับตัวอย่างก้าวกระโดดอย่างที่ 2. เป็นการรุกขึ้นมาโปรโมตธุรกิจอย่างจริงจัง
นับเป็นการปฏิวัติทางการความคิดของผู้บริหารโดยเฉพาะในระดับ SMEs ที่มองว่าการโฆษณาและประชาสัมพันธ์เป็นค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์แต่ควรมองว่าเป็นเงินลงทุนมากกว่า
ตัวอย่างของธุรกิจที่หันมาให้ความสำคัญ กับการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างมาก
ในระยะหลังจนทำให้ธุรกิจสามารถสร้างรายได้และ ยกระดับธุรกิจได้อย่างมากคือปลากระป๋องซีเล็คทูน่า
จากเมื่อ 4-5
ก่อน น้อยคนนักที่จะรู้จักเขาแต่จากการโหมโฆษณาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก
กลยุทธ์ที่ 3 เป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
เป็นการปฏิวัติเพื่อสร้างความแตกต่าง เช่นโซนี่ปฏิวัติวงการโทรทัศน์จอแบนเป็นเจ้าแรก
หรือแม้แต่มิสทีน ที่หันมาใช้การโฆษณาทางสื่อโทร-ทัศน์ขัดต่อรูปแบบเดิมๆ
ของธุรกิจ ขายตรงที่ไม่เคยทำมาก่อน
ส่งผลให้มิสทีนเป็นผู้นำในตลาดเครื่องสำอางประเภทขายตรงในเมืองไทย ด้วยสื่อโฆษณาที่สร้างความจดจำให้กับผู้พบเห็นได้อย่างดีหลายตอนที่ผ่านมา
การหาพันธมิตรเข้ามาร่วมธุรกิจก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการในระดับ
SMEs สามารถพัฒนาขนาดขององค์กรธุรกิจจนเองได้เป็นอย่างดี เป็น
การก้าวกระโดดของการพัฒนาธุรกิจอย่างแท้จริง เช่นเครือเจริญโภคภัณฑ์เคยประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดดในธุรกิจค้าปลีกด้วยการซื้อแฟรนไชส์
7-Elevenเข้า
มาดำเนินกิจการในไทยและร่วมทุน กับ Makro ในธุรกิจค้าส่งโดยใช้เวลาไม่นานก็สามารถก้าวกระโดดธุรกิจได้
นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์อื่นที่น่าสนใจอีกคือ การเปลี่ยนระบบการ
บริหารจากระบบครอบครัวมาเป็นมืออาชีพ อย่างที่แกรมมี่นำมาใช้โดย การจ้างมืออาชีพอย่างอภิรักษ์
เข้ามาเป็นประธานกรรมการ ส่งผลให้ภาพลักษณ์ขององค์กรเปลี่ยนในแง่ บวกเป็นอย่างยิ่ง
,ขยายสายธุรกิจใหม่เพื่อให้เป็นเรื่องของบริษัท และการเข้าระดมทุนในตลาด
หลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการก้าวกระโดด
ของธุรกิจอย่างข้ามขั้นโดยการใช้ความน่าเชื่อถือของกิจการเมื่ออยู่ในตลาดหลักทรัพย์แล้วเป็นใบเบิก
ทางให้กับธุรกิจ อย่างไรก็ตามผศ. วิทวัส กล่าว ว่าที่ผ่านมาปัญหาของผู้ประกอบการ
SMEs
อยู่ที่ความไม่กล้า และ กลัวต่อการปรับเปลี่ยน ทั้งมักจะพอ ใจในสิ่งที่อยู่หรือในระดับที่ทำอยู่แล้ว
ไม่กล้าเสี่ยงกับความท้าทายใหม่ที่ส่งต่อการปรับขนาดของกิจการให้ใหญ่ขึ้นได้
ทั้งพบว่าบาง
รายมีโอกาสในการก้าวกระโดดแล้ว แต่ผู้บริหารกับทำไม่เป็นไม่รู้ว่าจะฉวยโอกาสนั้นได้อย่างไร
นับเป็นจุด บอดที่เราต้องรีบแก้ไข