Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 มิถุนายน 2548
ปตท.สุดอั้นขึ้นดีเซล 40 สต. เผยต้นทุนขนส่งเพิ่ม 3.8%             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ปตท., บมจ.
Oil and gas




ปตท.อุ้มดีเซลได้แค่วันเดียว ประกาศขยับขึ้นราคาดีเซลตามผู้ค้าน้ำมันรายอื่นวันนี้ลิตรละ 40 สตางค์ โดยแทงกั๊กขึ้นราคาต่ำกว่าคู่แข่ง 10 สตางค์ บางจากฯ ยันไม่ปรับลดราคาขายดีเซลตามปตท. เหตุยังแบกรับภาระขาดทุนอยู่ลิตรละ 1 บาท ส.อ.ท. แนะรัฐไม่ต้องควบคุมราคาสินค้า ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ยันขึ้นดีเซลดันต้นทุนพลังงานเพิ่มเป็น 3.7-3.8% หวั่นต้นทุนค่าขนส่งพุ่ง "ทนง" สั่งจับตาราคาสินค้า เผยขึ้นดีเซล 50 สต.กระทบต้นทุนสินค้า 0.01% ด้าน "ไล้ออน" ซัปพลายเออร์รายใหญ่ รุกปรับระบบขนส่งใหม่ร่นเวลาขนถ่าย เพิ่มเวลา

ขนส่ง 24 ชั่วโมง ให้ลูกค้าทันเปิดตลาด

นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมันและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.ได้ประกาศปรับราคาจำหน่ายน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นอีก 40 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลของปตท.ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 18.59 บาทต่อลิตร จากเดิมอยู่ที่ 18.19 บาทต่อลิตร โดยมีผลวันนี้ (9 มิ.ย.) ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ส่วนราคาน้ำมันเบนซินยังคงอยู่ในระดับเดิม โดยเบนซินออกเทน 95 อยู่ที่ 22.54 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซินออกเทน 91 อยู่ที่ 21.74 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 21.04 บาทต่อลิตร

"ปตท. ได้ชะลอการปรับราคาน้ำมันดีเซลไว้หลังจากที่บริษัทน้ำมันรายอื่นได้ปรับราคาจำหน่ายปลีกเพิ่มขึ้นไปตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว จำนวน 50 สตางค์ต่อลิตร เพื่อบรรเทาภาระของผู้บริโภค เท่าที่ ปตท. จะสามารถรับภาระให้ได้ระดับหนึ่ง" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ทั้งนี้ นับตั้งแต่รัฐบาลได้ประกาศลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลแบบมีการจัดการเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.48 ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่8 มิ. ย.48 ราคาน้ำมันดีเซลได้ปรับตัวสูงขึ้นถึง 66.46 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือสูงขึ้นถึง 6.73 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เทียบกับราคาวันที่ 1 มิ.ย. 48 และยังปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับสูงตลอดมา และทำให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่ขาดทุนปตท. จึงต้องขึ้นดีเซลอีก 40 สตางค์ต่อลิตร

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกต้องปรับตัวสูงขึ้น เพราะตลาดมีความกังวลกับปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปในยุโรปและอเมริกาเหนือว่าจะมีเพียงพอหรือไม่ แม้ว่าจะสิ้นสุดฤดูหนาวแล้วก็ตาม ประกอบกับมีนักลงทุนได้สั่งซื้อประมาณ 4 เที่ยวเรือ จากเกาหลีและไต้หวันเพื่อส่งขายไปยัง กัวเตมาลา, เปรู, เอกวาดอร์, ชิลี และอินเดีย ยังคงมีความต้องการนำเข้าอย่างต่อเนื่องปริมาณรวมประมาณ 55,000-60,000 ตัน ส่วนราคาน้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ระดับ 57.48 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 49.87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

"แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงแกว่งตัวขึ้นลงตามปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาปริมาณน้ำมันอาจไม่เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำมันของโลกที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสที่ 3 และ 4" นายอภิสิทธิ์กล่าว

แหล่งข่าวจากบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากฯ คงไม่ปรับลดราคาขายน้ำมันดีเซลให้เท่ากับปตท.จะขึ้นราคาเพียงแค่ 40 สตางค์ต่อลิตร จากที่ได้ปรับราคาขายดีเซลขึ้นไป 50 สตางค์ก่อนหน้านี้ ซึ่งก็เป็นระดับราคาที่ยังคงขาดทุนอยู่ หากพิจารณาหลังจากที่รัฐลอยตัวดีเซล 1 มิ.ย. ราคาสิงคโปร์ปรับขึ้นต่อเนื่องจนถึงวันที่ 7 มิ.ย. รวม 6 เหรียญต่อบาร์เรล หรือเทียบกับต้องขึ้นราคาขายปลีกอีก 1.50 บาทต่อลิตร ดังนั้นจะเห็นว่าขาดทุนถึง 1 บาทต่อลิตร

มีรายงานว่า ขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ชดเชยราคาน้ำมันตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547-8 มิถุนายน 2548 คิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 89,103.05 ล้านบาท โดยชดเชยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลจำนวน 82,127.97 ล้านบาท

นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประะเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การปรับราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นอีก 40-50 สตางค์ต่อลิตรนั้นได้ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งจำเป็นจะต้องปรับตัวลดต้นทุน อย่างไรก็ตามการที่รัฐบาลขอให้ตรึงราคาสินค้าต่อเนื่องนั้นในความเป็นจริงรัฐไม่ต้องควบคุมราคาสินค้าก็ได้แล้วปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะการขึ้นราคาสินค้าไม่ได้ทำโดยง่ายในระบบการค้าเสรี ใครที่ขึ้นราคาเพียงรายเดียวก็จะอยู่ไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่น่าห่วงเรื่องนี้ ส่วนค่าไฟฟ้านั้นก็มีสูตรคำนวณตามความเป็นจริงอยู่แล้ว ซึ่งจากสถานการณ์ราคาพลังงานในปัจจุบันคงตรึงราคาลำบาก

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า การปรับราคาน้ำมันดีเซลทำให้ต้นทุนด้านพลังงานโดยรวมของภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นไปจากเดิมอยู่ที่ 3.1-3.2% เป็น 3.7-3.8% และที่น่าห่วงคือต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นทั้งขนส่งภาคบุคคลและขนส่งสินค้า โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าสด ขณะนี้ก็ได้ปรับขึ้นไปแล้ว เรื่องดังกล่าวกระทรวงคมนาคมจะต้องมาดูแลว่าการปรับขึ้นราคาค่าขนส่งควรจะอยู่ระดับใดและต้องมีการกำหนดสูตรในการปรับขึ้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้บริโภค

ขึ้นดีเซล 50 สต.กระทบต้นทุนสินค้า 0.01%

นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แม้ขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลขยับขึ้น 50 สต./ลิตร ทำให้ราคาดีเซลสูงขึ้นจาก 18.19 บาท/ลิตร เป็น 18.69 บาท/ลิตร เท่าที่ติดตามดูราคาสินค้าทุกหมวดในขณะนี้ราคาสินค้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่จะสั่งจับตาเป็นพิเศษว่ามีราคาสินค้าอะไรบ้างขึ้นสูงผิดปกติ

"สั่งจับตาไปแล้ว เท่าที่ดูน้ำมันดีเซลยังไม่เคลื่อนไหวมากมาย ราคาในตลาดโลกเริ่มลง แต่ก็สั่งให้ดูอย่างใกล้ชิด เพราะน้ำมันมีขึ้นๆ ลงๆ" นายทนงกล่าว

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าจากการที่ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกหน้าปั๊มขยับขึ้น 50 สต./ลิตร ทำให้ต้นทุนในการผลิตสินค้าเพิ่มสูงขึ้น 0.01% ดังนั้น ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคโดยรวมจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หากผู้ประกอบการเห็นว่าการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลในครั้งนี้ได้รับผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าจริง ก็ให้เสนอเรื่องมาให้กรมฯ เพื่อจะได้พิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป

ขอเตือนผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าหรือพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด อย่าฉกฉวยโอกาสหรือปฏิเสธการจำหน่ายสินค้า หรือขายสินค้าเกินราคา เพราะกรมฯ มีสูตรการคำนวณต้นทุนที่แท้จริง หากใครฝ่าฝืนก็จะมีโทษตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้กรมฯได้สั่งการให้ทั้งส่วนกลางและภูมิภาคออกสำรวจตรวจสอบสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งในตลาดสดและห้างสรรพสินค้าอย่างต่อเนื่อง หากประชาชนพบเห็นการขายสินค้าเกินราคาให้แจ้งสายด่วนแม่บ้าน 1569 ทันที ซึ่งกรมฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบให้

สหพัฒน์ปรับระบบขนส่ง 24 ชม.

นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ไล้ออน ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ภายหลังที่ราคาน้ำมันดีเซลขยับสูงขึ้น 50 สต./ลิตรนั้น ทางบริษัท Supplier รายใหญ่อย่างบริษัทในเครือยังไม่ขอปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด แต่จะมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มประสิทธิภาพโดยเฉพาะค่าขนส่งสินค้าไปยังร้านค้าปลีกและค้าส่ง ให้มีความรวดเร็ว ลดต้นทุนในการผลิต เช่น ปรับช่วงเวลาขนส่งสินค้าจากเดิมที่เคยทำงานวันละ 16 ชั่วโมง เป็นวันละ 24 ชั่วโมง เพื่อให้รอบในการขนส่งสินค้าแก่ลูกค้าก่อนเปิดตลาด จะได้ปริมาณมากขึ้น จะทำการบรรจุหีบห่อให้เล็กลงเพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในรถบรรทุกขนส่งสินค้าได้จำนวนมากขึ้น และจะปรับวิธีในการขึ้นลงขนส่งสินค้าของพนักงานให้รวดเร็วใช้เวลาที่น้อยที่สุด

"ถามว่าดีเซลขึ้น 50 สต. เราเฉยๆ อัตราเปลี่ยนแปลงไม่เยอะ ไม่กระทบหนักเหมือนขึ้นพรวดเดียว 3 บาท แต่ทยอยขึ้น ดีเซลเองก็มีการปรับขึ้นปรับลง แต่ก็ยอมรับว่าการบริหารต้นทุนเป็นเรื่องยาก เพราะการขึ้นราคาของไล้ออน คือ ทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น" กรรมการบริษัทไล้ออนกล่าว

นายบุญฤทธิ์ กล่าวต่อถึงนโยบายของรัฐที่ต้องการให้ผู้นำเข้าให้ความร่วมมือเพื่อช่วยลดการขาดดุลการค้า ไม่สำรองวัตถุดิบ ชะลอการนำเข้าสินค้าไม่จำเป็น หรือหาแหล่งวัตถุดิบราคาถูกในหลายๆประเทศ เห็นว่าเป็นเพียงหลักการเท่านั้น เพราะเรื่องเหล่านี้ทางบริษัทดำเนินการอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว

ดร.เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าการปรับขึ้นราคาดีเซล 50 สต./ลิตรในครั้งนี้ เชื่อว่าไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภคมากนัก เพราะผลกระทบเรื่องนี้กระทบมากต่อภาคขนส่ง แม้ระยะสั้นอาจกระทบต่อราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ประชาชนหดการซื้อสินค้า แต่สำหรับประชาชนทั่วไปจะยังคงจับจ่ายใช้สอยตามปกติ แม้รายได้เท่าเดิมรายจ่ายจะมากขึ้น แต่ประชาชนจะไปปรับลดอัตราเงินออมลง และอาจจะนำเงินออมเหล่านี้มาจับจ่ายใช้สอยแทน เพราะจากการศึกษาพบว่า คนไทยส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการบริโภคแบบเลียนแบบเปรียบเทียบ และพฤติกรรมเคยชินในการบริโภคสินค้าเคยซื้อราคาเท่าไรอย่างไรก็จะซื้อแบบเดิมไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง

"กำลังซื้อคนไทยจะลดลงไม่มาก เพราะคนไทยเคยชินการบริโภคเลียนแบบ ชอบเปรียบเทียบกับคนอื่นเคยซื้อมือถือยี่ห้อนี้ราคาแค่นี้ก็จะยังซื้อใช้อยู่ เคยเติมน้ำมัน แม้ราคาจะขึ้นก็ยังจะเติมอยู่ การประหยัดลงลงมาใช้จ่าย" ดร.เสาวนีย์กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us